แจ้งเกิดอย่างงดงามสำหรับ “KJ” หรือ “เคเจ กฤติพงษ์ ใจห้าว” หนุ่มสตูลวัย 20 ปี ที่ปล่อยผลงานคุณภาพออกมายึดใจแฟนได้หลากหลายเพลง โดยล่าสุดเขากลับมาอีกครั้งและได้มากับซิงเกิลใหม่ “โธ่เอ๊ย” ผลงานที่ต่อยอดจากตัวตนความเป็นโซล อาร์แอนด์บี แต่คราวนี้เขาได้เพิ่มอัตลักษณ์ความเป็นไทยลูกทุ่ง หรือดนตรีคันทรี่ เข้าไปทำให้เพลงดูไพเราะและน่าสนใจมากขึ้น

ล่าสุด yimyim มีโอกาสเจอตัวหนุ่มคนนี้ที่เดินทางมาเล่าถึงที่มาที่ไปของเพลงนี้ถึงออฟฟิศย่านวิภาวดีรังสิต จึงไม่พลาดต้องอัพเดทเรื่องนี้สักหน่อย

ทักทายแฟนๆสักหน่อย?

“สวัสดีครับ KJ ครับ ล่าสุดผมปล่อยผลงานเพลงมาชื่อว่า “โธ่เอ๊ย” ครับเป็นซิงเกิลที่ 6 เพลงล่าสุด โดยเพลงมีคอนเซ็ปต์เล่าถึงคำอุทานคำนึงครับ ที่ทุกคนได้ยินกันในเพลงในประโยคแรกเลยก็คือคำว่า “โธ่เอ๊ย” โดยคำนี้เนี่ย เป็นคำที่เราจะใช้อุทานเมื่อเรารู้สึกผิดหวังหรือว่าเสียใจ

หรือโกรธ แล้วผมก็เอาคำนี้เนี่ยมาบอกเล่าถ่ายทอดเรื่องราวว่าเรื่องราวความรัก โดยเป็นความรักในความสัมพันธ์แบบไหนถึงจะต้องกล่าวคำว่า “โธ่เอ๊ย”ได้แล้วรู้สึกเจ็บช้ำมากนะครับ ซึ่งเรื่องราวนี้ที่ผมเล่าในเพลงนี้เนี่ยครับ ก็จะเกี่ยวกับผู้ชายคนนึงที่พยายามทุ่มเทเพื่อความรักของเค้าอย่างเต็มที่ แต่เค้าก็ยังมีความสงสัยอยู่ในตัวเองนะครับว่าที่เค้าทำขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เห็นคุณค่ามันเนี่ย เพราะว่าเค้าดีเกินไปหรือเค้าไม่ดีพอกันแน่ครับ เลยมีท่อนที่ร้องว่า โธ่เอ๊ย จะเจอกันอีกไหม ฉันไม่ดีตรงไหน หรือว่าดีเกินไปรึป่าว”

แนวเพลงเป็นแบบไหนยังไงเอ่ย?

“ส่วนในเรื่องของด้านแนวเพลงเนี่ยทุกคนก็จะเห็นว่าเอ้ะมันจะมีทำนองที่ดูเหมือนมันร้องยากแล้วก็มีความแปลกใหม่เฉพาะตัวอยู่ มีภาษาถิ่นอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งต้องบอกว่าแนวเพลงนี้เนี่ย ผมขอจำกัดความมันว่าเป็น Neo Thai Country หรือว่าเป็นลูกทุ่งที่แบบสมัยใหม่ เพราะว่าเพลงนี้เนี่ยต่อยอดมาจากอีพีที่แล้วนะครับ ซึ่งมีเพลง Good Boy ที่คนก็น่าจะรู้จักอยู่ด้วยนะครับ ซึ่งเพลง Good boy หรือว่าเพลงในอีพี Soul Sad เนี่ยจะเป็นแนวคอนเซ็ปต์ของธีม Soul R&B นะครับ ซึ่งเป็นแบบที่ทุกคนอาจจะได้เห็นผมในเวอร์ชั่นเดิม แต่เวอร์ชั่นนี้เนี่ยในเพลงโธ่เอ๊ยเราผสมความเป็นไทยเข้าไปนะครับ ซึ่งมันก็คือความเป็นรากเหง้าเดียวกับผมเนอะ เนื่องจากว่าผมตอนเด็ก ๆ เราเติบโตขึ้นมานะครับกับเพลงลูกทุ่งแล้วเราค่อยมาหัดร้องเพลงสากล หรือเพลง R&B ในช่วงที่เราแบบโตเป็นวัยรุ่นแล้วนะครับ ผมก็เลยอยากจะเอาวัยเด็กของผมเนี่ยกลับมาให้ทุกคนได้เห็นอีกครั้งนึงว่าในตัวผมก็จะมีมุมมองไหนบ้าง มีมิติไหนบ้างที่ยังอยากให้ทุกคนได้รู้จักนะครับ ซึ่งก็เลยออกมาเป็นโธ่เอ๊ย แล้วก็เป็นแนวเพลง Neo Thai Country เหมือนเป็นการกำเนิดใหม่ของดนตรีลูกทุ่งบ้านเราอีกครั้งนั่นเองครับ”

KJ เองมีส่วนร่วมในการทำงานยังไงบ้าง?

“ในส่วนการทำงาน ผมก็มีส่วนร่วมทั้งในการเขียนเพลง ในการแต่งทำนองแล้วก็ในการช่วยคิดเรื่องคอนเซ็ปต์ แต่ไม่ได้มีแค่ผม ก็จะมีทางโปรดิวเซอร์ในค่ายช่วยดูกัน ช่วยขัดเกลาก็คือทำงานร่วมกันในงานเต็มที่ ในส่วนของพาร์ทดนตรีเนี่ยเค้าก็ทำให้ผมได้อย่างถูกใจมาก ๆ ครับก็คือเราจะมีการคุยกันตลอดว่าเอ้ยตรงนี้ KJโอเคไหม KJ ชอบแบบไหนหรือว่า KJ อยากแอดอะไรไปในเพลงอีกนะ ก็ทำงานเป็นทีมเวิร์คมากๆเลยครับ”

เพลงนี้ใช้เวลาในการเขียนนานไหน ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย?

“ในส่วนของการเขียนเพลงก็อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ครับ ซึ่งเราเขียนเสร็จแล้วแหละ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นในกระบวนการที่ทำเสร็จทั้งเพลงเลยจริง ๆก็เรียกได้ว่าพวกผมเตรียมงานกันเป็นปีเลยนะครับ เพื่อที่จะได้ปล่อยเพลงนี้ออกมา ในที่สุดก็ได้ปล่อยมาหลังจากที่หายไปนานมาก ๆ ที่นานเพราะมันหลายกระบวนการกว่าจะมาถึงตัวนี้ แต่ทุกอย่างราบรื่นดีไม่มีปัญหาครับ”

ฟีดแบ็คจากแฟน ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?

“ก็ทำให้ผมใจฟูมากเลยนะกับการที่ผมได้เห็นฟีดแบ็คของแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับหน้าใหม่หรือว่าหน้าเก่าทุก ๆ คนต่างให้กำลังใจผม แล้วก็มีกระแสตอบรับที่ดีคือมีคอมเมนต์ชื่นชมไปในทางบวกซะส่วนใหญ่ แล้วก็ยังมีคนฟังแล้วอยากจะฟังเพลงต่อไปของผมเลยอีกประมาณนี้ ซึ่งผมก็รู้สึกว่าเราคุ้มค่าที่เราลงแรงลงใจไปทำให้คนดูของเราได้ฟังนะครับ”

พอกระแสดี เพลงโดนใจแฟนๆแบบนี้้ ยอดวิวอะไรต่างๆมันทำให้เรากดดันตัวเองไหม?

“หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าผมกดดันนะครับ หลังจากที่เราก็เคยมีเพลงที่เป็นไวรัลในติ๊กต๊อกอย่างเพลง “Good Boy” แล้วเราก็อาจจะกดดันไหม ที่เพลงมันจะต้องยอดวิวเท่ากับเพลงเก่าหรือมากกว่า ซึ่งผมก็ต้องขอบอกตรงนี้ว่าจริง ๆแล้วผมไม่ได้คาดหวังว่ายอดวิวมันจะต้องเยอะหรือว่าน้อยอย่างไร และจุดประสงค์ที่ผมหายไปนาน ๆ ผมไม่ได้หายไปเพื่อที่จะกลับมาสร้างยอดวิวนะครับ ผมหายไปเพื่อที่จะทำงานเพลงมาให้ทุกคนได้ฟังกัน แล้วก็ต้องการที่จะใส่ใจมันให้เต็มที่ที่สุดเพราะงั้นแล้ว สิ่งที่ผมคิดว่าได้รับแล้วมีค่ามากคือฟีดแบ็คที่ดีที่ทุกคนยังชอบแล้วทุกคนก็ยังมองว่าผลงานเพลงนี้เป็นผลงานที่มีคุณภาพ แค่เท่านั้น ผมก็ดีใจมากกับยอดวิวแล้วครับ”

KJ ลองให้เหตุผลหน่อยว่าเพราะอะไรเราต้องฟังเพลงของคุณ?

“เพราะเพลงนี้จะเป็นการนำรสชาติใหม่เข้ามาให้กับเพลง R&B ในประเทศไทย เพราะผมเนี่ยเอาทั้งภาษาใต้ ภาษากลางของไทยเรา แล้วก็ภาษาอังกฤษ รวมถึงดนตรีที่หลากหลายรสชาติเข้ามารวมตัวกันในเพลงเดียวกัน ซึ่งตรงนี้มันเหมือนกับการผสมอาหารหรือว่าการปรุงอาหารที่เราพยายามทำกันอย่างปราณีตละเมียดละไมเนอะ เพื่อให้เพลงนี้เนี่ยออกมาเป็นเพลงที่มีส่วนที่คุณค่าทางด้านเนื้อหานะครับ ด้านดนตรี แล้วก็ด้านภาพด้วย ด้านเอ็มวีก็ยังมีการสื่อหลาย ๆ อย่างที่เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับคนไทยหรือว่าด้านภาพของผมเอง ตัวตนของผมครับ”

เล่าการถ่ายทำเอ็มวีหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง?

“เอ็มวีใช้เวลาถ่ายทำไม่นานเลย วันเดียวถ่าย 2 โลเคชั่นแล้วเสร็จเลยครับ แต่ว่าในเรื่องของการเตรียมงานเนี่ยเตรียมล่วงหน้ากันเป็นหลักเดือนเลย เพื่อจะให้งานออกมาครบถ้วน รวดเร็วสมูทที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนความยากในเอ็มวีนี้ก็คงจะเป็นการที่เราต้องหัดขี่ควายนี่แหละครับ ที่ผมบอกว่าน่าจะยากที่สุด แต่ก็ไม่ได้ยากมากเกินที่เราจะทำไม่ได้นะครับ (ยิ้ม)เพราะว่าแค่ผมไปเจอน้องควายแล้วก็ได้ลองทำความรู้จักสนิทชิดเชื้อกับเค้าเนี่ย เราก็สามารถที่จะผูกมิตรกับเค้าได้แล้ว หลาย ๆ คนอาจจะกลัวว่าถ้าขี่ควายจะอันตรายไหม แต่จริง ๆ แล้วสัตว์ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นนะครับ เราก็แค่ต้องมอบความรัก ความเป็นมิตรให้แก่เค้า อย่าไปกลัวเค้าแล้วก็อย่าทำให้เค้ารู้สึกไม่ปลอดภัยประมาณนั้นครับ”

ถ้าเป็น KJ เอง คุณจะใช้เพลงนี้แทนเรื่องราวอะไร หรืออยากส่งไปหาใคร?

“เพลงนี้ถ้าฟังรอบแรกก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเพลงเศร้าที่เราพูดถึงความรักที่ผิดหวังนะครับ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นะครับ ในความเห็นของผมเนี่ย ที่ผมต้องการจะสื่อให้ทุกคนทราบเลยก็คือคำว่า “โธ่เอ๊ย” ไม่ใช่คำที่จะทำให้เราจมปลักกับความทุกข์ แต่คำว่าโธ่เอ๊ยเนี่ยคือคำที่ให้เราสลัดความทุกข์ออกไปพร้อมกับวินาทีที่เราพูดมันออกมานะครับ ดังนั้นแล้วเพลงนี้ไม่ใช่เพลงของคนที่โศกเศร้า แต่เป็นเพลงของนักสู้นะ ผมอยากให้ทุกคนที่ฟังเพลงนี้ เอาเพลงนี้ไปใช้เพื่อให้จะทำให้ตัวเองรู้ว่าการที่เรายังทำดี ทุ่มเทเพื่อความรัก ด้วยความโอบอ้อมอารีย์เนี่ยมีคุณค่าแค่ไหน แม้ว่าเราจะไม่ได้ของขวัญหรือรางวัลตอบแทนมาก็ตามนะครับ แต่ว่าให้เราสู้ต่อไป”

ฝากผลงานสักหน่อย?

“ก็อยากฝากให้ทุกคนลองไปฟังเพลงนี้ของผมสักหน่อยครับ ชอบ ไม่ชอบยังไม่ติชมกันได้นะครับ ขอบคุณครับ”

จัดเต็มบทสัมภาษณ์ของหนุ่มมากความสามารถคนนี้ไปแล้ว เชื่อว่าใครได้ลองฟังเพลงของเขาแล้วจะชอบแน่นอน ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

———————

คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย yimyim