เพราะล่าสุด “เสี่ยหนิม” “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ชี้แจงกลางสภาว่า ไม่มีโมเดลใดรองรับผลโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ชัดเจน เพราะไม่เคยมีโครงการใดในประเทศที่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้ ระยะทาง กรอบการบังคับใช้ 2 รอบมาก่อน ไม่ยืนยันดิจิทัลวอลเล็ตเป็นยาวิเศษ
ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ “รัฐบาลเศรษฐา” ต้องเร่งทำความเข้าใจประชาชนถึงความชัดเจนถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาล ไม่เช่นนั้นก็อาจจะกลายเป็นเชื้อไฟสุมขอนรัฐบาล
และยิ่งการเมืองในเดือนสิงหาคมจะเป็นเดือนชี้ชะตาเดือดกับ 2 คดีเบิ้มๆ เขย่ากระดานอำนาจร้อนระอุ ถึงขนาดศาลรัฐธรรมนูญต้องออกประกาศพื้นที่ควบคุม เพื่อดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย อนุญาตเฉพาะคู่กรณีเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัย ระหว่างการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ในวันที่ 7ส.ค. และคดีคุณสมบัติ “นายกฯเศรษฐา”ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ กรณีการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.
นอกจากนี้ยังมีวันดีเดย์ ให้จับตาอีกหนึ่งวัน คือ วันที่ 22 สิงหาคม เป็นวันที่นายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกรัฐมนตรี จะหลุดพ้นบ่วงพันธนาการ เหลือเพียงคดีมาตรา 112 ที่ต้องต่อสู้ตามกระบวนการต่อไป
ล่าสุดขยับหมากยื่นขออนุญาตศาลเพื่อเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปสหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ระหว่างวันที่ 1-16 ส.ค.2567 เพื่อพบแพทย์ที่เคยตรวจรักษาอาการป่วยปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจเอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน
แต่เจอศาลติดเบรก เพราะเห็นว่า อาการป่วยของ “ทักษิณ” เป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศไทยตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว อีกทั้งการเหตุผลการเดินทางไปพบบุคคลสำคัญของ “ทักษิณ”เป็นเรื่องส่วนตัวไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็น ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่เดินทางใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐาน
จึงเป็นการสร้างความงงงวยว่า ทำไม “นายใหญ่” ถึงจะต้องรีบไปครั้งนี้ ทั้งที่ หลังวันที่ 22 สิงหาคม ก็จะได้ใบบริสุทธิ์ และจะเดินทางไปไหนก็ได้ จะมากวนน้ำให้ขุ่นไปทำไม
สำหรับการยุบพรรคก้าวไกล ก็เป็นวาระร้อนที่แกนนำพรรคปักหลักดิ้นสู้ทุกมิติ ล่าสุดถึงขนาดโพสต์ปลุกด้อมส้มให้มารวมตัวกันที่พรรคก้าวไกล เพื่อรับฟังคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ แต่งานนี้แกนนำพรรคก้าวไกลประเมินแล้วโอกาสรอดยาก และไม่ประมาทมีการวางเกมก้าวต่อไปไว้แล้ว โดยจะดัน “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นถือธงเป็นแม่ทัพในการนำ “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” แล้วจะมีการเปลี่ยนชื่อใหม่ภายหลัง
แกนนำพรรคก้าวไกลเองยอมรับว่า จะมีงูเห่าสีส้มหลุดเลื้อยไปอยู่พรรคขั้วรัฐบาล แต่ที่กังวลกว่า คือ หนอนที่อยู่กับพรรคไม่ย้ายไปไหน หนอนพวกนี้จะคอยทำหน้าที่คาบข่าวไปบอกพรรคคู่แข่ง สาเหตุที่หนอนไม่ย้ายพรรค เพราะรู้ดีว่าถ้าย้ายพรรคอนาคตคงสอบตกแน่นอน
ขณะที่คดี “นายกฯเศรษฐา” ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ ในวันที่ 14 สิงหาคม ล่าสุดพลพรรคเพื่อไทย ดาหน้าออกมาเซฟ “นายกฯเศรษฐา” เชื่อมั่นและมั่นใจจะได้ไปต่อไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ พรรคไม่มีการเตรียมอะไรไว้ทั้งสิ้น ตัดตอนกระแส “นายกฯสำรอง” เพราะเชื่อมั่นว่า “นายกฯเศรษฐา” จะได้ไปต่อ
แต่นาทีนี้การเมืองอะไรก็ไม่แน่นอน งานนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาออกมาอย่างไร ซึ่งอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
ถ้า“นายกฯเศรษฐา” ถูกถอดถอนกระดานการเมืองก็จะแกว่งทันที ซึ่งกระแส “นายกฯสำรอง” จึงพุ่งเป้าไปที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่ตอนนี้มีแต้มหนุนขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าเปรียบเป็นตลาดหุ้น ก็ถือว่า ราคาหุ้นขึ้นแบบพุ่งๆ หลังกินรวบสว.สีน้ำเงินเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเจรจาดีลลับทำ“พรรคเพื่อไทย”ต้องพลิกลิ้นยอมให้มีพ.ร.บ.ควบคุมกัญชา ตามแนวทางพรรคภูมิใจไทยเดินมา เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดศึกภายใน ขบเหลี่ยม ปีนเกลียว ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ทำ“รัฐบาลสูตรพิสดาร”ไปไกลไม่ถึงฝั่งฝัน
แต่เกมการเมืองเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ ต้องจับตาดูว่า เมื่อ “พรรคเพื่อไทย”ยอมถอยหนึ่งก้าว ในอนาคต “พรรคภูมิใจไทย” จะต้องยอมถอยกี่ก้าว แล้วยอมถอยในเรื่องอะไร
ล่าสุด “เสี่ยหนู”ประกาศจองตำแหน่งรอง ปธ.สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แทน “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ โดยมีชื่อส่ง “ภราดร ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลูกชาย “เสี่ยตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล มาเป็นแคนดิเดต รองประธานสภาฯ คนที่ 1
ส่วนดีลลับทางการเมืองที่ต้องจับตาต่อไป คือ การพา “นายหญิง” ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯน้องสาวนายใหญ่กลับบ้าน แว่วๆว่าจะกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยช่วงปลายปีก่อนที่คนไทยได้ใช้เงินหมื่น
จึงต้องจับตาดูว่ายังมีดีลลับฉบับพิเศษงอกขึ้นมาอีกหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายสำคัญๆ นำสู่การล้างผิดใครบางคน ซึ่งจุดนี้จะต้องใช้มือของพรรคร่วมรัฐบาล และสว.ในการโหวตหนุน ที่สำคัญ คือ ต้องจับตาว่าใครจะได้ประโยชน์แล้วประชาชนจะถูกเป็นเหยื่ออีกหรือไม่
ปิดท้ายความร้อนแรงภายในพรรคพลังประชารัฐที่เกิดศึกภายในกันระหว่าง “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” สมาชิกพรรค กับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค
ที่ตอนนี้ “สามารถ” เป็นคนแต่งเพลงเชียร์ให้เป็นนายกฯคนที่ 31 หาก “เศรษฐา” เกิดอุบัติเหตุการเมือง ถือว่ากำลังเป็นลูกเลิฟคนใหม่ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และยังเป็นมือดีลดึง “วัน อยู่บำรุง”เข้าซบบ้านป่า หลังลาออกจากพรรคเพื่อไทย เป็นเหตุให้ “นายใหญ่ทักษิณ” เกิดอาการไม่พอใจ และอาจจะเตะพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้
สถานการณ์การเมืองตอนนี้ร้อนระอุทั้งกระดาน ต้องจับตาการเมืองเดือนสิงหาคมนี้ จะกลายเป็นพายุหมุนแปรเปลี่ยนสถานการณ์ไปขนาดไหน กระดานอำนาจจะตกอยู่ในมือใคร.