เมื่อวันที่ 31 ก.ค. บช.น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่วานนี้ (30 ก.ค.) ทางคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้มีการเรียก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นเอกสารและชี้แจงด้วยวาจาปมอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการชั่วคราวที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขณะที่ดำรงแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การให้ถ้อยคำเมื่อวานนี้ เป็นไปตามขั้นตอนของ ก.พ.ค.ตร. ที่จะต้องให้ผู้อุทธรณ์และคู่กรณีในอุทธรณ์ ซึ่งตนได้มีการยื่นหนังสือและแถลงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทางคณะกรรมการฯ จะนำไปพิจารณาวินิจฉัยซึ่งตนไม่ทราบว่าผลจะออกเมื่อไหร่และจะออกมาเป็นอย่างไร สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและคำสั่งให้ออกจากราชการก่อน ได้กระทำไปโดยสุจริตใจ ไม่มีอคติและไม่ได้หวังผลประโยชน์เพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อรักษาประโยชน์ขององค์กร และความถูกต้องชอบธรรม โดยยึดหลักกฎหมายและหลักนิติธรรมในการพิจารณา นำข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีพิจารณาร่วมกับฝ่ายกฎหมายและฝ่ายวินัยได้เสนอความเห็นขึ้นมาด้วย ซึ่งได้ยื่นเอกสารไปก่อนหน้านี้แล้ว ตนก็ยืนยันตามเอกสารไปว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยืนยันในเอกสารเรื่องแก้อุทธรณ์และยืนยันในใบแถลงที่ส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งตนได้แถลงไปเพียงเท่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) ได้มีโอกาสเจอกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ก็เจอกัน แต่ไม่มีอะไร คณะกรรมการฯ ได้จัดที่นั่งให้คนละฝั่ง ไม่มีประเด็นอะไรเลย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็เตรียมเอกสารมาแถลงและยืนยันว่าไม่ได้หนักใจ ตนแถลงและยื่นเอกสารไปแล้ว ก็ถือว่าได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอน ส่วนหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการประชุมพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ
ส่วนที่มีข่าวลือว่าผลวินิจฉัยออกมาแล้วนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นเพียงข่าวลือ คณะกรรมการฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาวินิจฉัย ตนก็ยังไม่ทราบอะไรเลย ตนมีหน้าที่ไปแถลงตามกฎ ก.พ.ค.ตร. ก็ไปดำเนินการตามนั้น ไม่มีอะไรตื่นเต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าได้พูดกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไหม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็คงไม่มีอะไรที่โกรธเคืองตน ซึ่งเมื่อวาน (30 ก.ค.) ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรที่ไม่ดี ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ในสิ่งที่เกิดขึ้น.
