เตือนกันมากเลยว่า กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองอันตราย มิจฉาชีพเยอะ พร้อมจะโจมตีตลอดเวลา

ช่วงเคาท์ดาวน์ก็เกิดเหตุถี่ยิบ

แม้จะคิดว่า “เออ ถ้าใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพได้ ก็ไม่น่ากลัวที่ไหนแล้วม้างงงงง” แน่โดนเป่าหูเยอะๆ มันก็ผวาเอานา

วันที่มาถึงวันแรก ชะโงกหน้าโรงแรม สุดซอยข้างๆ มีร้านกึ่งผับเปิดไฟอยู่ ชวน “พี่บี แหลมสิงห์” เดินไปนั่งจิบน้ำฟองๆ เหลืองๆ แต่ “พี่บี” บอกว่า “อย่าเลย เรามีกันแค่ 2 คน ถ้ามีสัก 5 คน ค่อยไป”

…มันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย

สอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูต “พี่ครับ เค้าว่าแถวนี้มันเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้หรอก..จิงมะ”

ตำรวจวางกำลังถี่ยิบ

ทีมงานสถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงปารีส บอกว่า ปารีสก็เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆ ร้อนพ่อพันแม่ ย่อมต้องมีมิจฉาชีพ

แต่ช่วงโอลิมปิกเกมส์ ขอให้เบาใจได้ เพราะเจ้าหน้าที่ รปภ. มากมายมหาศาล ทะลุครึ่งล้านคน “คุณมิจ” จะไม่กล้าลงมือโจ๋งครึ่ม ดังนั้น ช่วงนี้จะปลอดภัยกว่าเดิม

เท่าที่ดูๆ ก็เยอะจริงๆ กระจายกำลัง ติดอาวุธครบมือ เดินกันให้ขวักไขว่ หน่วยละ 3-6 คน ทุกหน่วยจะมีเจ้าหน้าที่หญิงอยู่ด้วย เพื่อเข้าปฏิบัติการแบบที่ต้องใช้ผู้หญิง

อยู่มา 1 สัปดาห์ ไม่เจออะไรอกสั่นขวัญแขวนเท่าไหร่

จะมีก็แค่เสียวๆ เท่านั้น

บริเวณโรงแรมที่ผมและสื่อไทยส่วนหนึ่งนั้น ที่สถานีรถไฟฟ้า ที่เราใช้บริการประจำ จะมีผับแนว “อิงลิชผับ” ตั้งอยู่

ชอบแนวๆ นี้ซะด้วย ก่อนถึงวันเกิดเหตุ มาจิบแล้ว 2-3 ครั้ง แก้วเล็ก 250 ml ราคา 3-4 ยูโร, 500 ml 6-8 ยูโร

กระทั่งวันหนึ่ง น้องตูน มติชน, น้องตอง ข่าวสด ชวนมานั่งชิล เลยเดินมาพร้อมกับ พี่บี แหลมสิงห์, โกเหรียญ ไทยโพสต์ รวม 5 คน

กับ บี แหลมสิงห์ ในร้านที่เกิดเหตุ

น้องตอง ข่าวสด บุคลิกนิ่มๆ ขรึมๆ ปรากฏตัวในไลฟ์ของเดลินิวส์เรื่อยๆ ปกติแกก็ไม่ค่อยจิบเท่าไหร่…ถ้าไม่มีกับแกล้ม

วันนั้นไม่มีกับแกล้มแต่แกก็มา บอกว่าจะมาถ่ายคลิปทำสกู๊ป

เข้าร้านก็แยกย้ายเดินซน ทางใครทางมัน ผมก็มายืนหน้าจอทีวี ดูบอลหญิง ฝรั่งเศส-แคนาดา

ในร้านมีเจ้าถิ่น 2 คน คนหนึ่งตัวบึ้ก อีกคนรูปร่างเล็ก

คนตัวบึ้ก เชียร์บอลระทึกออกนอกหน้า แหกปากลุ้นมันตั้งแต่บอลอยู่กลางสนาม

เห็นผมใส่เสื้อไทยแลนด์ เอียงมาคุย นู่นนี่นั่น ดูมีมิตรภาพดี ชวนช่วยเชียร์นักเตะ “เลเบลอส์” เราก็เอาวะ ฝรั่งเศสสู้ๆ

จิบไป คุยไป(ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก แฮ่) สักพัก น้ำของ “พี่บึ้ก” หมดแก้ว

เห็นแกไปบอกอะไรกับพนักงานร้าน แล้วโบ้ยมือมาทางผม ใจคิดในแง่ดีว่า “เฮ้ย จะเลี้ยงเหรอ ไม่เอานะ”

เหตุการณ์เปลี่ยนตรงกันข้าม “พี่บึ้ก” มาบอกว่า “You pay for me”

ให้เราเลี้ยงน้ำฟองมันหน่อย

ไม่ได้ว่าเขี้ยว หรืองก แต่มรึงมาหักคอกันดื้อๆ ได้ไง จะบ้าเหรอ

ปฏิเสธไป เขาก็ตื๊อ ไม่ยอม จะเอาให้ได้ ชักจะออกแนวคุกคาม ตัวมันก็ใหญ่ เมาแล้วด้วย จะทำอะไรก็ไม่รู้

ครั้นจะหนีกลับเลย น้ำฟองก็เพิ่งสั่งมา ราคาตก 300 กว่าบาท กินไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็เสียดาย

ชิ่งมาส่งสัญญาณบอกพรรคพวก “ชักไม่ดีแล้วนะ เจ้าถิ่นเล่นแล้ว กลับเลยดีกว่า ไม่รู้จะมีอะไรอีก”

รับทราบกันหมด ก็เตรียมกลับ แต่น้ำฟองยังเหลือเยอะ เราพึมพัมๆ น้ำยังเหลือ เสียดาย คิดว่าจะรีบกิน

ฉับพลัน “ตอง ข่าวสด” ยกแก้วของผม ที่มีน้ำฟองอยู่เป็นค่อน กระดกพรวดเดียวหมด

“ป่ะพี่ กลับ”

อ้าวเวรกรรม ยังไม่ทันบอกเลยว่าให้ช่วยกิน แค่บ่นว่าเหลือเยอะ แล้วเดี๋ยวจะเร่งกินเอง

“น้องตอง” ผู้น่ารัก มากวาดเกลี้ยงซะแล้ว

รอดพ้นจากการหักคอ เลี้ยงน้ำดื่มให้พี่บึ้กก็จริง

สุดท้ายก็มาโดน “น้องตอง” อาศัยช่วงชุลมุน เทพรวดกวาดเรียบไปซะงั้น.

*** วุฒินล ***