เรียกได้ว่าเป็นนางฟ้าตัวจริง สำหรับ “เก๋ ชลลดา” เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ได้มีข่าวที่เจ้าตัวนั้นโดนแจ้งความข้อหาบุกรุกเคหสถาน ซึ่งต่อมาคุณลุงที่เป็นคนแจ้งความก็ถอนคดีเพราะเข้าใจผิดคิดว่าสาวเก๋จะทารุณสัตว์ จนเรื่องดังกล่าวจบไปได้ด้วยดี ความคืบหน้าล่าสุดคุณลุงคนดังกล่าวเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ที่น่าสลดใจคงเป็นสุนัขที่คุณลุงเลี้ยงไว้ 28 ตัว กำลังกัดกินร่างของคุณลุงอยู่ โดยบริเวณขาซ้ายโดนสุนัขแทะกัดกินจนเหลือแต่กระดูก ตามที่ข่าวเคยเสนอไว้
ล่าสุดด้าน เก๋ ชลลดา สื่อมวลชนได้เจอเธอในงาน Immersive Disney Animation X The Voice Foundation จึงขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการเข้าไปช่วยเหลือเคสน้องหมาที่คุณลุงเลี้ยงไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งคุณเก๋ได้กล่าวว่า
“จากกรณีเคสที่กำลังเป็นข่าวนะคะ จะบอกว่า 2 ปีที่แล้ว เราเคยไปช่วยเหลือบ้านหลังนี้ จากการที่ว่าแจ้งเคสร้องเรียนจากเพื่อนบ้านว่าเลี้ยงสุนัขเยอะมากๆ ซึ่งเมื่อพฤษภาคม 2564 ก็เป็นเคสที่เราเข้าไปช่วย ตอนนั้นเข้าไปช่วยชิสุมาทั้งหมด 44 ตัว แต่ด้วยกฎหมายตอนนั้นเจ้าของจริงๆ คือมีสิทธิในทรัพย์สินก็คือสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ก็สามารถเก็บบางตัวที่แข็งแรงได้ จนตอนนั้นเราเอามา 44 ตัว เราก็คืนบางส่วนไป 8 ตัว ไปอยู่กับคุณลุง แล้วปัจจุบันเมื่อไม่กี่วันนี้ก็เป็นข่าวเศร้านะคะ คุณลุงได้เสียชีวิตในบ้าน โดยที่ไม่มีญาติอยู่ใกล้ชิดเลย แล้วก็ลุงได้เขียนพินัยกรรมเป็นคำสั่งเสียตั้งนานแล้วว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ขอมอบสุนัขกลุ่มนี้ให้พี่คนนึง ซึ่งพี่ผู้ชายคนนี้ก็เป็นหนึ่งในจิตอาสาที่น่ารักในการรักสัตว์ เขาก็ตั้งใจเลยว่า เขาจะให้มูลนิธิ The Voice มาช่วยสุนัขทั้งหมดนะคะเมื่อวานนี้ ซึ่งจริงๆ จากที่ออกข่าวไปคือ 30 ตัว รอดชีวิต 28 ตัว เสียชีวิต 2 ตัว ปรากฏวันก่อนตอนเช้าไปเจออีกตัวหนึ่งอยู่ใต้ถุนบ้าน ก็เท่ากับว่าเคสนี้เราช่วยไปทั้งหมด 29 ตัวพอดีค่ะ เราก็จะจัดสรรในการนำไปตรวจสุขภาพ ตัวไหนไม่ได้ทำหมันกับฉีดวัคซีนเราก็ทำให้เลย หรือจริงๆ วัคซีนต้องทำทุกตัวอยู่แล้วเป็นการทำซ้ำ แต่ว่าทำหมันตัวไหนที่ไม่ได้ทำ ทาง The Voice เสียงจากเราเดี๋ยวเราหาบ้านให้สุนัขและแมว เก๋ขออนุญาตหยุดการเกิดของพวกเขาโดยการทำหมัน อันนี้เป็นระเบียบของมูลนิธินะคะ แล้วก็เราจะตรวจสุขภาพให้อย่างดีให้เขาแข็งแรง สมบูรณ์ที่สุด ก็จะส่งมอบบ้านต่อไป ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานที่มีข่าวตั้งแต่บ่าย 3 ไลน์ของเราก็ดังตลอด คนไทยของเราก็ใจดีมาก ขอเขามาอุปการะเยอะมากเลย ซึ่งอยากที่เก๋บอกนะคะ ขอตรวจสุขภาพและทำหมันก่อนส่งมอบให้คนอื่นค่ะ
ส่วนในเรื่องคดีความครั้งก่อนตอนนั้นคือเป็นการเข้าใจผิดก็ว่าได้นะคะ คือคนที่แจ้งเคสให้เราลงไปในพื้นที่แล้ว แล้วเป็นการตกลงกันแล้ว แล้วปรากฏว่าไม่รู้ไปคุยกันยังไงคือแบบว่ายังไม่ได้เซ็นเอกสาร เหมือนตอนนั้นคุณลุงแกก็คงงอน เพราะคนที่ไปบอกเขาไม่ได้บอกว่าเราจะไปเอาหมามาทั้งหมด แกก็เลยแจ้งความเก๋กลับในตอนนั้นนะคะ ซึ่งท้ายที่สุดคุณลุงก็ถอนแจ้งความ ก็มีทนายความ มีครอบครัวคุณลุงเข้ามาติดต่อทำความเข้าใจกัน ก็เป็นอันว่าจบกันด้วยดี ไม่มีการฟ้องร้องใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการถอนฟ้องถอนแจ้งความทั้งหมด แล้วเราก็เอาสุนัขตอนนั้นมาบูรณาการทั้งหมด 44 ตัว ส่งมอบคืนทั้งหมด 8 ตัว และปัจจุบันมี 8 ตัว คุณลุงก็ไปซื้อมาเพิ่มอีก จาก 8 ตัวก็กลายเป็น 32 ตัว
ตอนที่คุณลุงเสียชีวิต เอาตรงๆ ตอนแรกก็ใจหายเราก็มีโอกาสได้รู้จัก คือเรารู้จักใครสักคนพอเขาต้องเสียชีวิตหรือไม่อยู่ในโลกใบนี้แล้ว เราก็ต้องใจหายอยู่แล้ว ที่น่าเศร้าตรงที่ว่าคือไม่มีใครไปพบร่างคุณลุงเลย แล้วหดหู่ตอนที่กู้ภัยแจ้งมาว่าสุนัขไปกัดเนื้อคุณลุง มันก็แบบว่าเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน เราก็รู้สึกแบบสะเทือนใจ คือไม่ได้โทษสัตว์หรือโทษใครนะคะ แค่คิดว่าเหตุการณ์มันเป็นเหตุการณ์ภาคบังคับ ยิ่งเจ้าหน้าที่ลงไปคือ 1.สุนัขทุกตัวหิวน้ำมาก คือไม่รู้ว่าคุณลุงเสียชีวิตเมื่อไหร่นะคะ 2.ไม่มีอาหาร คือง่ายๆ ไม่มีน้ำไม่มีอาหารในบ้านเลยที่สุนัขจะอยู่ได้ คือสุนัขก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ คือขาดน้ำได้แค่ 3 วัน แล้วคือสุนัขทุกตัวอ่อนแรงมาก คือเอาชามใส่น้ำมาน้องก็คือเอาหน้าจุ่มในชาม เหมือนเขากระหายน้ำมาก แล้วตอนนี้สุนัขทั้งหมด 29 ชีวิต อยู่ในความคุ้มครองของมูลนิธิ The Voice เสียงจากเราแล้ว อยากให้ทุกคนติดตามการอัปเดตการตรวจสุขภาพและเบื้องหลังจากวันนี้ไปจนถึงหนึ่งสัปดาห์ จะเห็นว่าตัวไหนที่แข็งแรงและสมบูรณ์ เพราะทราบผ่านจากคุณหมอแล้วว่าบางตัวคุณลุงเอาไปทำหมันตามภาครัฐแล้ว มันจะมีขลิบที่หูแล้วจะมีตัวเลขลงทะเบียนทำหมันแล้ว เก๋อยากให้ติดตามเพราะว่าตัวที่ทำหมันแล้วอาจจะได้บ้านเร็ว ส่วนตัวที่ยังไม่ทำหมันและสุขภาพไม่แข็งแรงเดี๋ยวเราต้องรักษาให้หายก่อน ไม่อยากจะมอบสุนัขที่อ่อนแอให้บ้านไหน เขาอุตส่าห์มีใจมารับ เราก็อยากจะให้สุนัขที่สมบูรณ์แบบที่สุด”