ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยในการประชุม โกลเบิล นิวส์ ฟอรั่ม ว่า กระแสที่ผู้บริโภคนิยมรับข้อมูลข่าวสารผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้น สำนักข่าวต่างๆ ในสื่อดั้งเดิม จึงต้องย้ายฐานเข้าสู่ออนไลน์ และอาศัยพื้นที่บนแพลตฟอร์มยอดนิยมระดับโลกอย่าง ยูทูบ หรือ เฟซบุ๊ก และต้องไปอยู่ภายใต้กลไกการแพร่กระจายเนื้อหาของอัลกอริธึม ซึ่งทางสำนักข่าวควรทำงานร่วมกับภาครัฐ และภาคประชาสังคม เพื่อเรียกร้องให้สื่อที่น่าเชื่อถือ สามารถจะปรากฏอย่างโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม ดิจิทัล แอปพลิเคชันในอุปกรณ์เคลื่อนที่ และในทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
“ด้วยระบบการทำธุรกิจของแพลตฟอร์มที่ใช้อัลกอริธึม และให้ความสำคัญกับยอดคลิกและการมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบมากกว่าคุณภาพของข่าวและความถูกต้อง ครบถ้วนของข้อมูล จึงมีข่าวลวงและเนื้อหาที่ล่อให้คลิกมากมาย ซึ่งคนไทยนิยมรับข่าวสารจากโซเชียลมีเดียเป็นหลัก และไม่ค่อยมีการอ้างอิงหรือให้เครดิตกับแหล่งที่มาหรือสำนักข่าวที่ผลิตข่าว โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มระดับโลกที่มีอำนาจต่อรองมากๆ”
ทั้งนี้ในยุโรปและแคนาดา หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ และผู้มีบทบาททางการเมืองและสังคม ได้ช่วยกันผลักดัน เพื่อให้บนยูทูบมีการระบุอย่างชัดเจนถึงแบรนด์ของสื่อที่ให้บริการเพื่อสาธารณะและน่าเชื่อถือ ในขณะเดียวกัน ก็กำลังมีการเจรจากับซัมซุง ให้ปรากฏไอคอนของสื่อสาธารณะอย่างเด่นชัดบนหน้าจอทีวีที่เป็นแบบต่ออินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะออกกฎให้มีการลงแอปของผู้ให้บริการช่องทีวีสาธารณะที่น่าเชื่อถือ ฝังไว้ในโปรแกรมของทีวีเครื่องใหม่ ให้ผู้ซื้อพร้อมใช้งานได้เลยอีกด้วย
ดร.พิรงรอง กล่าวต่อว่า ประเทศไทยควรจะมีมาตรการในแนวทางเดียวกับที่กล่าวมาเพื่อสร้างเสริมความเชื่อถือ และเชื่อมั่นในระบบนิเวศสื่อด้านข่าวสาร ซึ่ง กสทช. ก็กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำระบบโซเชียลเครดิต ที่ผู้รับใบอนุญาตช่องรายการจาก กสทช. จะได้รับการประเมินถึงคุณภาพของเนื้อหา โดยจะเริ่มจากรายการข่าว เพื่อให้มีการรับรองด้านความน่าเชื่อถือ หากมีการประเมินและรับรองเช่นนี้แล้ว ก็สามารถจะใช้เป็นฐานในการเจรจาต่อรอง เพื่อสร้างการปรากฏที่โดดเด่นและการให้เครดิตที่เหมาะสมบนแพลตฟอร์มดิจิทัลได้ในอนาคต