เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างไทย-ลาว ได้แก่ การเชื่อมโยงระบบรางระหว่างประเทศ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางถนนข้ามพรมแดน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคการขนส่ง

เป็นการวางรากฐานความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่างไทยและ สปป.ลาว ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่งร่วมกันในอนาคต โดยหนึ่งในผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือ การเปิดให้บริการรถไฟระหว่างประเทศ เส้นทาง กรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.ค. 67 ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ในการเชื่อมโยงระบบรางระหว่างสองประเทศ

หลังจากก่อนหน้านี้มีทางรถไฟ ช่วง หนองคาย-ท่านาแล้ง ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร (กม.) เท่านั้น ต่อมาฝ่ายไทยได้ให้ความช่วยเหลือฝ่าย สปป.ลาว ในการก่อสร้างทางรถไฟขนาดทางกว้าง 1.000 เมตร เพิ่มเติมช่วงท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) เพิ่มเติมอีก 7.5 กม. เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีขบวนรถไฟให้บริการวันละ 4 เที่ยวไป-กลับ แบ่งเป็น 2 เที่ยวระหว่างกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์-กรุงเทพฯ และอีก 2 เที่ยวระหว่างเวียงจันทน์-อุดรธานี-เวียงจันทน์

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า การเปิดให้บริการรถไฟระหว่างประเทศครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการพัฒนารถไฟที่มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย และปลอดภัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเดินทางและการขนส่งระหว่างกัน รวมถึงกระตุ้นการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าค่าเดินทางมากกว่า 5 เท่า อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 

การเปิดให้บริการรถไฟสายนี้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (Lao National Railway State Enterprise: LNRE) ที่ได้ร่วมกันผลักดันโครงการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการยกระดับการคมนาคมขนส่งทางรางในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (หนองคาย-เวียงจันทน์) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการความร่วมมือที่สำคัญระหว่างสองประเทศ โดยโครงการนี้ประกอบด้วยการก่อสร้างสะพานรถไฟขนาดทางมาตรฐานกว้าง 1.435 เมตร และทางขนาด 1 เมตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับการสัญจรและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ รฟท. อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบรายละเอียดและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยฝ่ายไทยขอให้ สปป.ลาว พิจารณาอำนวยความสะดวกในการสำรวจ และเก็บข้อมูลในพื้นที่ฝั่งลาว เพื่อให้การศึกษาโครงการเป็นไปอย่างครบถ้วน และมีประสิทธิภาพนำไปสู่การก่อสร้างในอนาคตโดยมีเป้าหมายกำหนดแล้วเสร็จในปี 72 ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องที่จะร่วมกันพัฒนาการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งที่สองข้ามแม่น้ำโขง

ด้านการขนส่งทางถนน ที่ประชุมได้รับทราบถึงการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดนและการขนส่งผ่านแดนให้มีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น จะช่วยลดขั้นตอนและอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าข้ามแดนได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงแนวทางการกลับมาเปิดให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศในเส้นทางที่เหลืออีก 5 เส้นทางจากทั้งหมด 13 เส้นทาง โดยขอให้ฝ่าย สปป.ลาว พิจารณาเส้นทางเชียงราย-แขวงบ่อแก้ว และขยายไปยังหลวงน้ำทาเป็นเส้นทางแรก รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดใช้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-ปากซัน) ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน และนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยฝ่ายไทยเสนอให้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้โดยเร็ว

 นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า รฟท. อยู่ระหว่างก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ เส้นทาง บ้านไผ่-นครพนม และเตรียมการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณปี 71 รวมทั้งเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอีก 2 เส้นทาง คือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 72 และโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 73 โดยขอให้ฝ่าย สปป.ลาว พิจารณาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศต่อไป.