ประเด็นร้อนที่กำลังเดินทางมาถึงบทสรุปแล้ว คือ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ในฐานความผิดมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า หากคู่กรณีประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันพุธที่ 24 ก.ค. 2567 คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 7 ส.ค. 2567 นัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจในข้อต่อสู้ทางกฎหมายที่ต่อสู้ไปไม่ว่าจะเป็นที่สู้ว่า กระบวนการยื่นคำร้องของ กกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำของพรรคไม่ใช่การล้มล้างหรือปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ทำให้ไม่มีเหตุในการยุบพรรคก้าวไกลยังไม่มีการเตรียมการใดๆ ไว้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

เรื่องที่ยังถกเถียงกันไม่เสร็จคือ เงินดิจิทัล ที่จะให้ลงทะเบียนได้ใน ส.ค.แล้ว ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมงบไว้ทั้งสิ้น 5 แสนล้าน โดยจัดจากงบกลางของปี 67 , 68 รัฐบาลต้องกู้เพิ่มโดยตั้งเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .. วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท  

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสภาว่า เงิน 1.22 แสนล้านบาท มาจากภาษีและรายได้อื่น เป็นแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการ 1หมื่นล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 1.12แสนล้านบาท ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวดำเนินการผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งการกู้ยังอยู่ในกรอบบริหารหนี้สาธารณะคือไม่เกิน 70% ของจีดีพี และฐานะเงินคงคลังยังแข็งแกร่ง

ฝ่ายค้านก็ยังไม่เห็นด้วยในการกู้มาโปะงบกลาง เพื่อใช้เงินในโครงการดิจิทัลวอลเลต อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่าสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ หลายมาตรา  อาทิ มาตรา 21 การจัดทำงบรายจ่ายเพิ่มเติมเพื่อใช้ในระหว่างปีงบประมาณ ไม่ใช่ใช้ข้ามปีและไม่สามารถรอใช้ในปีต่อไปได้ พร้อมตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลไม่แก้กฎหมายให้เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายการเมืองอย่างเดียว งบนี้หากเบิกจ่ายจริง ต้องใช้คืน ในปี 2569 ถือว่าเป็นการยืมเงินข้ามปี

นอกจากนี้ ประเด็นที่เสี่ยงผิดกฎหมายยังมีคือมีการตีความว่าโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเป็นงบรายจ่ายลงทุนหรือไม่ ทั้งที่นิยามคือซื้อสิ่งของ สร้างสิ่งปลูกสร้าง อายุเกิน 1 ปี หรือค่าจ่ายสิ่งปลูกสร้าง แต่ของดิจิทัลวอลเล็ต ใช้เพื่ออุปโภคบริโภค หากไม่นับเป็นรายจ่ายลงทุน จะผิดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20 และยังถามถึงความคุ้มทุนว่า ถ้าลงทุนไป 5 แสนล้านบาท ได้คืน 3.5 ล้านบาทนั้นเหมาะสมหรือไม่ นอกจาก น.ส.ศิริกัญญา ยังมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีถึงการอ้างแหล่งที่มาของเงินแบบกลับไปกลับมา

แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า การเปลี่ยนแหล่งที่มาของเงินเพื่อความเหมาะสมปลายปีนี้เงินถึงมือประชาชนแน่นอน ยืนยันว่า ไม่สุ่มเสี่ยงขัดกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณามามาก ยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายของรัฐในอดีตที่ตัวคูณสูงเท่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่เป็นห่วงว่าตั้งงบประมาณขาดดุลสูงเต็มเพดานนั้นไม่มีความเสี่ยงของกลไกงบประมาณ เพราะมีกฎหมายที่รองรับสถานการณ์วิกฤตของประเทศทุกสถานการณ์ ฝ่ายค้านได้มีมติไม่รับหลักการ แต่ด้วยเสียงรัฐบาล ที่สุดแล้วกฎหมายนี้ก็คงผ่าน เพราะมีเพียงหกมาตรา และน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของ สว.เดือน ส.ค. ก็เป็นวาระที่ปีนี้คงได้เห็นในระดับหนึ่งว่า “ดิจิทัลวอลเลตกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน” โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสี่ และในปีหน้าคงมีเรื่องความคุ้มทุนหรือขาดทุนให้คุยกันอีก

ปิดท้ายที่ปัญหาวุฒิการศึกษาของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ”หมอเกศ” สว.กลุ่ม19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพผู้ประกอบอาชีพอิสระ)  มีรายงานว่า กกต. รับ 2 คำร้องที่ขอให้กกต.ตรวจสอบว่าการที่ น.ส.เกศกมล ระบุประวัติการศึกษาว่าเป็นศาสตราจารย์ จบปริญญาเอกจาก California University ในใบเอกสารแนะนำตัวสมาชิกวุฒิสภา (สว.3) เข้าข่ายเป็นการกระทำหลอกลวง จูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณเพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ตนตามมาตรา77 (4)  พ.ร.ป.ว่า ด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561หรือไม่ และมีคนยื่นร้องแพทยสภาให้ตรวจสอบด้วย เรื่องนี้น่าจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคตของการตรวจสอบรับรองวุฒิการศึกษาของผู้สมัครตำแหน่งต่างๆ สำหรับวาระการประชุมสภาวันพฤหัสนี้ จะเป็นเรื่องกระทู้ ก็รอดูว่ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งที่ประกาศไว้ว่าจะถามแน่ๆ คือ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีมีรายงานข่าวว่าธนาคารในประเทศไทยมีเอี่ยวซื้ออาวุธสงครามในเมียนมา ถามนายกรัฐมนตรี

“ทีมข่าวการเมือง”