วันที่ 16 ก.ค. จากกรณีที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ เขต 3 เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พร้อมนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร สำรวจเมืองโบราณ ‘เวียงเชียงชื่น’ จ.แพร่ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตพื้นที่สวนหินมหาราช ต.ต้าผามอก นั้น

จากการสำรวจพบว่า มีบางแห่งถูกเรียกว่าเป็นกรุสมบัติเวียงเชียงชื่น มหาสมบัติแห่งล้านนา และยังพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ค้นพบวัดในบริเวณนี้ ถึง 7 วัด มีเจดีย์ขนาดใหญ่หลายแห่ง มีพระพุทธรูปโบราณและพบขวานหินขัด ซึ่งคาดว่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 2,500 ถึง 3,000 ปี รวมถึงโบราณวัตถุล้ำค่าอีกมากมาย ซึ่งพบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีพระพุทธรูปโบราณที่ถูกขุดพบและถูกนำไปประดิษฐานอยู่ในวัดต่างๆ ในพื้นที่ของอำเภอลองแล้วจำนวนมาก

โดยเมืองโบราณ ‘เวียงเชียงชื่น’ แห่งนี้ จากพงศาวดารและการสืบค้นพบว่า ได้กำเนิดขึ้นมาในยุคเก่าแก่โบราณสืบทอดกันมา คาดว่ามีอายุกว่า 2,500 ปี มีอาณาเขตอยู่บนพื้นที่ประมาณ 519 ไร่ จากตำนานพงศาวดารทั้งโยนกและพงศาวดารไทใหญ่ พบว่าปริศนาเมืองโบราณนี้มีมาตั้งแต่ช่วงก่อนพุทธกาล และพระนางจามเทวีเคยได้มาเยือนเมืองนี้และเรียกชื่อว่า เววาภาสิต แต่ด้วยปรากฏมีแร่โลหะที่เมืองโบราณแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ผู้คนจึงเรียกเมืองนี้ว่า เวียงเชียงชื่น ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองลอง

นายวรวัจน์ กล่าวว่า จ.แพร่ พร้อมเปิดเมืองโบราณนี้ต่อสายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ ตนเชื่อว่า ความยิ่งใหญ่ของที่นี่ จะสร้างความตื่นตาต่อผู้มาเยือน และอนาคตเวียงเชียงชื่นแห่งนี้ จะกลายเป็นสัญลักษณ์การกำเนิดของเมืองที่มีอารยธรรมที่เก่าแก่โบราณของไทย และจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่ง