เพราะ…การกล่าวโทษผู้บริหารบริษัทอีเอ ไม่ใช่กรณีแรก แต่ก่อนหน้านี้มีมากมายหลายกรณี ทั้งการทุจริตในหุ้น MORE หรือบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ทั้ง หุ้น STARK หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และอีกหลากหลายกรณี

การฉ้อโกง การทุจริต ในหลายรูปแบบ ที่เกิดขึ้น ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ทำให้บรรดานักลงทุนทั้งรายใหญ่ รายย่อย ต้องเจ๊งกันไปถ้วนหน้า นับพันล้านบาท นับหมื่นล้านบาท แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง ที่ภาครัฐออกมาเตือนนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

แต่ปัญหาใหญ่!! อยู่ที่การกำกับดูแล การป้องกัน ที่ ณ เวลา นี้ น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงความสัมฤทธิ์ผลของมาตรการ ว่าอาจช้าไป หรือแทบทำอะไรไม่ได้

ที่ผ่านมาหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน ต่างออกสารพัดมาตรการ เพื่อล้อมคอก เพื่อคุมปัญหา เพื่อให้เลือดหยุดไหล ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยกทีมผู้บริหาร มาชี้แจงแถลงมาตรการ เพื่อหวังจะฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย

แต่สุดท้าย!! สารพันปัญหาก็ยังบังเกิด โดยเฉพาะกรณีของ “อีเอ” ที่เรียกได้ว่า ยิ่งตอกย้ำ ยิ่งทำลายความเชื่อมั่น ด้วยเพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีดีกรีมากมาย

เรียกได้ว่าโปรไฟล์ดีเยี่ยม เพราะได้รับรางวัลด้านการรับรองระบบต่อต้านคอรัปชั่นที่ผ่านการรับรอง มีคะแนนการกำกับดูแลกิจการที่ดีระดับ 5 ดาว ที่ถือว่าสูงที่สุดในตลาดหุ้น

หรือแม้แต่การได้รับการจัดอันดับหุ้นที่มีความยั่งยืน ในระดับ ดับเบิ้ลเอ หรือแม้แต่การถูกรับเชิญให้ถ่ายทอด ให้แลกเปลี่ยนกรณีศึกษาถึงความสำเร็จ ให้กับบริษัทอื่น ๆ เพื่อแชร์ความสำเร็จที่เกิดขึ้น

แล้วใครจะเชื่อ? ว่า บริษัทใหญ่ ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมาโดยตลอดและมีธุรกิจสมัยใหม่ สอดคล้องกับทิศทางของโลก ทั้งการผลิตแบตเตอรี่ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และอีกสารพัดธุรกิจที่สื่อให้เห็นถึงการ “รักษ์โลก”

แม้แต่ตัวของ…บิ๊กบอส “สมโภชน์ อาหุนัย” ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ที่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่สำคัญ!! ยังเป็นเคยเป็นเศรษฐีที่เคยรวยหุ้นในระดับ 1.37 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย

การกล่าวโทษของก.ล.ต.ครั้งนี้ ยังส่งผลให้ผู้บริหารของอีเอ ทั้ง “สมโภชน์” และ อมร ทรัพย์ทวีกุล ต้องหลุดพ้น จากตำแหน่งผู้บริหารทันที

แถมยังมีแผนการออกหุ้นกู้อีก 2 ชุดเพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดประมาณ 5,500 ล้านบาท ราว ๆ ปลายเดือนก.ค.นี้ ในเมื่อผู้บริหารติดบ่วงกรรมเช่นนี้ แล้วบริษัทจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

การดำเนินโครงการต่าง ๆ ทั้งรถเมล์ไฟฟ้า ทั้งแบตเตอรี่ไฟฟ้า จะสะดุดเพียงใด ใครจะเข้ามารับช่วงต่อ ราคาหุ้นจะติดฟลอร์หรือไม่ ที่สำคัญ กรณีนี้จะเป็นโดมิโน เอฟเฟ็กซ์ ไปจนถึงสถาบันการเงินเจ้าหนี้หรือไม่?

ตลาดหุ้นกู้ทั้งระบบ อาจได้รับผลกระทบตามไปด้วยหรือไม่? จากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่เดิมก็มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากหลาย ๆ กรณี

แม้กรณีของอีเอ จะแตกต่างจากหลายกรณีที่เคยเกิดขึ้น เพราะมีธุรกิจ มากมาย มีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท ที่สามารถไล่บี้ไล่เช็กบิลมาใช้หนี้คืนได้ก็ตาม

เหนือสิ่งอื่นใด!! บรรดานักลงทุนในหุ้นอีเอ ที่มีไม่น้อยกว่า 40,000 คน ต้องรับกรรมอีกมากน้อยเพียงใด?

ขณะที่ก่อนหน้านี้อีเอ ก็ยังถูกกก.ล.ต.ให้รายงานการซื้อขายหุ้นบิ๊กลอต จำนวน 14.69 ล้านหุ้นของผู้บริหาร ที่รายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแลไม่สอดคล้องกัน

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นตอบโต้เรื่องของการฟอสเซล ทำให้ราคาหุ้นอีเอ ร่วงแล้วร่วงอีก!!

อย่างไรก็ตามบรรดาสื่อโซเชียล ต่างขุดคุ้ยแสวงหาที่ไปที่มา หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เรื่อยไปจนถึง “คนใน” ของผู้บริหารเอง ที่เป็นคนแจ้งข้อมูลต่อก.ล.ต.

ส่วนการชี้แจงของผู้บริหารอีเอ จะเกิดขึ้นเมื่อใด อย่างไร? คงต้องรอจับตาดู ว่า การแก้เกม จะทำให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาหรือไม่?

อย่างที่บอก เรื่องของ “ธรรมาภิบาล” เป็นเรื่องที่ทุกคนแสวงหา แต่ในความเป็นจริงแทบไม่มีหรือมีอยู่น้อยมาก

ทั้งหลายทั้งปวง… จึงต้องย้อนกลับไปถึง “ผู้กำกับดูแล” ว่าต้องลงไม้ลงมือให้แรงอีกเท่าใด ถึงจะล้อมคอกได้อยู่หมัด แล้วเรียกศรัทธา กลับคืนมา!!.

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่