เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 67 นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยความคืบหน้าโครงการสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักหรือ เอ็น3 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล มีมติให้เริ่มนำร่องจำหน่ายสลากตัวเลขสามหลักงวดแรก 16 ต.ค. 67 โดยจะเริ่มเปิดขายวันแรก 2 ต.ค. เป็นต้นไป กำหนดเริ่มต้นไม่เกิน 1 ล้านหมายเลข จำหน่ายใบละ 20 บาท
สำหรับสลากตัวเลขสามหลัก ผู้ซื้อสามารถซื้อได้ทุกหมายเลขตั้งแต่ 000-999 จำนวน 1 หมายเลขต่อการซื้อ โดยกำหนดออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง คือ ทุกวันที่ 1 และ16 ของเดือน ใช้วิธีอ้างอิงผลรางวัลจากสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก โดยรางวัลสามตรง มาจาก เลข 3 ตัวท้ายของรางวัลที่ 1 และรางวัลสองตรง มาจากผลการออกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ส่วนรางวัลแจ๊กพอต จะสุ่มเลือกจากผู้ถูก 3 ตัวตรงขึ้นมารับเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ การซื้อทุกๆ 1 รายการจะได้หมายเลขรางวัลพิเศษ 1 หมายเลข มีโอกาสรับรางวัล 4 ประเภทรางวัลคือ รางวัลสามตรง สัดส่วนรางวัล 30% ของเงินรางวัล, รางวัลสามสลับหลัก สัดส่วนรางวัล 30%, รางวัลสองตรง สัดส่วนรางวัล 39% และรางวัลพิเศษ 1% ซึ่งจะสุ่มหมายเลขรางวัลพิเศษจากสลากที่ถูกรางวัลสามตรง โดยจะจ่ายเงินรางวัลแบบผันแปรตามจำนวนผู้ซื้อ กับผู้ถูกรางวัล และหากในงวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัลจะสมทบเงินรางวัลในงวดถัดไป แต่ถ้ายังไม่มีผู้ถูกรางวัล เงินรางวัลดังกล่าวจะถูกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
สำหรับวิธีซื้อ ผู้ซื้อจะซื้อได้ที่ตู้คีออส ที่ตั้งอยู่ร้านสลาก 80 และมีการสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อจ่ายเงินผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่งแอปจะมีการเก็บตัวเลขที่ซื้อเข้าแอปในช่องสลากของฉัน ไว้เป็นหลักฐานเพื่อยืนยันการถูกรางวัล
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในช่วงทดลอง สำนักงานสลากฯ จะเป็นคนทดลองขายเองก่อน โดยขายผ่านตู้คีออสซึ่งตั้งอยู่ที่ร้านสลาก 80 จำนวน 300 จุด เพื่อต้องการทดสอบว่าจะมีผลกระทบต่อผู้ขายสลากเดิมหรือไม่ อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมให้กับผู้ซื้อ โดยจะทดลองขาย 6 เดือน จนถึงงวด 1 เม.ย. 68 และจากนั้นตั้งแต่งวด 16 เม.ย. 68 เป็นต้นไป จะเปิดรับสมัครให้ประชาชนเป็นคนขาย
“เอ็น3 มีเป้าหมายเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาสลากใบเกินราคา ขณะเดียวกันยังเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้ซื้อ ได้เตรียมพร้อมที่จะซื้อ ที่สำคัญจะช่วยลดปัญหาหวยใต้ดิน และแข่งขันการพนันออนไลน์ ดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการคัดสรรผู้ขาย จำนวนเลขซื้อได้อั้นหรือไม่นั้น ยังไม่กำหนด จะต้องรอพิจารณาในวาระต่อไป”