เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลอ่านคำพิพากษา ในคดี อม.17/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ (กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด สมัย รมว.พาณิชย์ ไม่สั่งตรวจสอบการระบายข้าวเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว)
โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจกำกับดูแลองค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การคลังสินค้าได้จัดให้มีการเสนอราคาขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่องค์การสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเซีย (Perum BULOG) โดยเอื้อประโยชน์ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้เสนอราคาและเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวดังกล่าว ต่อมาบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ไม่ปฏิบัติตามสัญญา โดยส่งมอบข้าวไม่ครบถ้วน ทำให้องค์การคลังสินค้าและประเทศชาติเสียหาย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยมีหนังสือถึงจำเลยขอทราบข้อเท็จจริง และขอให้พิจารณาให้มีการประมูลข้าวตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
แต่จำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ โดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบกระบวนการเสนอราคาขายข้าวดังกล่าว และไม่ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงหรือรายงานแสดงความคิดเห็น ทบทวนกระบวนการเสนอราคา ทั้งจำเลยยืนยันว่าองค์การสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเซีย ส่งรายชื่อบริษัทที่ประเทศอินโดนีเซียเชื่อถือ ซึ่งมีชื่อบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มาให้องค์การคลังสินค้าพิจารณา ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 172 ประมวลกฎหมายอาญา 157
วันนี้จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมด้วยทนายความและผู้ติดตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่
ต่อมาเวลา 11.30 น. เศษ ภายหลังฟังคำพิพากษา นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ก็ต้องขอบคุณทีมทนายความหลังจากนี้ก็จะทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนมาฟังคำพิพากษา ก็มุ่งมั่นทำงานมาตลอด พรุ่งนี้ก็จะไปที่ระยอง อย่างคดีนี้ก็ไม่ได้ปรากฏป็นข่าวดังว่าตนมีคดีความ ตนก็ไม่ได้คิดว่าหลังคำพิพากษาในวันนี้จะต้องไปรับตำแหน่งอะไรต่อ หน้าที่ตนคือต้อง ทำงานให้กับรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
นายอเนก คำชุ่ม ทนายความกล่าวว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเอกสารที่ชัดเจนว่าในการซื้อขายข้าวจาก BULOG มีการผ่านรายงานการประชุมของคณะทำงาน อคส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กลั่นกรอง มีทั้งผู้แทนจากกระทรวงพานิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และมีผู้เชี่ยวชาญหลายคน ก็ได้มีการพิจารณาสัญญาการซื้อขายข้าวส่งมอบให้กับ BULOG เป็นไปตามขั้นตอนระเบียบของ อคส. ทุกอย่างและข้อมูลที่นายกิตติรัตน์ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว เป็นข้อมูลที่มีอยู่จริง ปรากฏอยู่ในรายงานของคณะกรรมการ อคส. ทุกอย่าง ก็ยืนยันได้ว่านายกิตติรัตน์ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และสร้างความเสียหายเกิดขึ้น จึงยกฟ้อง