สื่อเวียดนาม soha เปิดเผยเรื่องราวของหญิงวัย 30 ปีชาวไต้หวัน ที่แม้จะมีรูปร่างผอมเพรียว แต่กลับมีไขมันพอกตับรุนแรงแบบไม่น่าเชื่อ แพทย์เผยสาเหตุเพราะชอบดื่ม “น้ำผลไม้” เพื่อลดน้ำหนัก
ผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวครั้งนี้คือ ดร.เว่ยซีหัง แพทย์ชาวไต้หวัน โดยเล่าว่าหญิงคนดังกล่าว รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรง ปวดท้องเล็กน้อยใกล้สีข้างขวา เบื่ออาหาร มีอาการคลื่นไส้เวลาเห็นอาหารที่มัน ๆ เมื่อไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจ ก็พบว่ามี “ไขมันพอกตับ” ระยะที่ 2 แม้เธอจะมีรูปร่างผอมบาง สูง 163 ซม. หนัก 45 กก. ทว่า เธอกลับมีพุง
“ไม่ว่าไขมันในร่างกายทั้งหมด หรือดัชนีมวลกายจะเป็นเท่าไหร่ ตราบใดที่ปริมาณไขมันสะสมในตับมีสัดส่วนมากกว่า 5% ของน้ำหนักตับ ก็หมายความว่ามีไขมันพอกตับ คนที่เป็นโรคอ้วนย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนผอมจะไม่เป็นโรคนี้ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจะยิ่งสูงขึ้นในผู้ที่ขาดสารอาหาร และควบคุมอาหารมากเกินไป”
สาเหตุในการป่วยเป็นไขมันพอกตับของผู้ป่วยรายนี้ ดร.เว่ยซีหัง เปิดเผยว่าเป็นเพราะการดื่ม “น้ำผลไม้” มากเกินไป และดื่มแบบผิดวิธี คิดว่าดีต่อสุขภาพ และช่วยลดน้ำหนัก แต่กลับกลายเป็นโทษ
“ผู้ป่วยต้องการลดน้ำหนัก จึงมักดื่มน้ำผลไม้แทนอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น แต่เนื่องจากเป็นคนชอบรสหวาน จึงมักเลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงเสมอ อีกทั้งยังเติมน้ำตาลและน้ำผึ้งลงไปในน้ำผลไม้อีกด้วย”
ผลไม้ที่มีฟรุกโตสมาก ต่างจากกลูโคส ซึ่งเป็นพลังงานหลักและนำไปใช้ในการเลี้ยงเซลล์โดยตรง แต่ฟรุกโตสต้องได้รับการประมวลผลโดยตับ ก่อนที่ร่างกายจะนำไปใช้ ขณะเดียวกันตับเป็นอวัยวะเดียวของร่างกายที่สามารถเปลี่ยนฟรุกโตสเป็นกลูโคสได้ เมื่อเวลาผ่านไป ตับจะทำงานหนักเกินไป และเริ่มเปลี่ยนฟรุกโตสเป็นไขมัน
การรับประทานผลไม้สดที่มีใยอาหาร สามารถขัดขวางการดูดซึมน้ำตาล และช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว จึงควบคุมแคลอรีได้ แม้จะเป็นอาหารที่ดี แต่ถ้าบริโภคมากเกินไปก็จะเกิดโทษ และการเติมน้ำตาลลงในน้ำผลไม้ จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ตับ ทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับ และมีภาวะไขมันในเลือดสูงได้ง่าย
วิธีรักษาคือการบำบัดทางแพทย์ และการเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น และพักผ่อนอย่างเหมาะสม.
ที่มาและภาพ : soha, ivabalk / Pixabay