เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกเรื่องปุ๋ยคนละครึ่งมาหารือในที่ประชุม ครม. โดยอยู่ในวาระอื่นๆ ซึ่งสืบเนื่องจากการที่นายกฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ และมี สส.พรรคร่วมรัฐบาล ได้สะท้อนความคิดเห็นของชาวนาต่อโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลช่วยจ่ายค่าปุ๋ยครึ่งหนึ่งให้เกษตรกร ในราคาไม่เกินไร่ละ 500 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 4.6 ล้านราย โดยความเห็นส่วนใหญ่ของชาวนามองว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลช่วยเหลือไร่ละไม่เกิน 1,000 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ เท่ากับช่วย 20,000 บาท แต่ครั้งนี้ช่วยไร่ละไม่เกิน 500 บาท และไม่เกิน 20 ไร่ เท่ากับเหลือ 10,000 บาท อีกทั้งจ่ายเป็นค่าปุ๋ยเป็นเงินด้วย สส. จึงกังวลว่าชาวนาจะผิดหวัง
นายชัย กล่าวอีกว่า ขณะที่ในที่ประชุม ครม. มีการถกเถียงกัน และได้ตกผลึกข้อสรุปว่า จากกรณีที่ราคาข้าวเปลือกไม่เคยดีเลย ทำให้ชาวนามีรายได้ไม่พอยังชีพ รัฐบาลจึงสนับสนุนตามมาตรการของปี 2566 แต่ในปี 2567 ข้าวราคาดี ทำให้ไม่ต้องพุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนเงินช่วยเหลือ จึงหันมาดูเรื่องภาคการผลิต และเสนอโครงการปุ๋ยคนละครึ่งครั้งนี้ ซึ่งมีปุ๋ยให้เลือก 15 สูตร โดยให้ชาวนาเลือกปุ๋ยเอง และไม่ได้จำกัดผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการนี้ โดยผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนกว่า 50 บริษัท และแต่ละพื้นที่ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ขายให้กับชาวนา ซึ่งเปิดโอกาสให้ร้านค้าแต่ละพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า รัฐบาลทำโครงการนี้เพื่อผูกขาดให้กับบริษัทไม่กี่รายนั้น ขอยืนยันว่าเป็นไม่เป็นความจริง อีกทั้ง การช่วยเหลือเกษตรกรครั้งนี้ เป็นคนละเรื่องกับรอบที่แล้ว และไม่ใช่การนำโครงการปุ๋ยคนละครึ่งมาแทน