สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ว่าสำนักงานสาธารณสุขแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเมืองซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย รายงานจำนวนผู้ป่วยยืนยันจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 498 คนในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด นับเป็นวันที่สองติดต่อกัน ที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ยืนยันผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 500 คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 8 ราย และ 73.5% ของประชากรในพื้นที่ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 16 ปี ได้รับวัคซีนครบ และ 90.3% ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว
ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองซิดนีย์ ให้บริการกับลูกค้าโต๊ะแบบเว้นระยะห่าง
ทั้งนี้ วันจันทร์ที่ 11 ต.ค. เป็นวันแรกที่เมืองซิดนีย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเดลตาในออสเตรเลีย "เข้าสู่วิถีใหม่" โดยสถานประกอบการและกิจกรรมทั้งหมดกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง หลังต้องปิดไปนานกว่า 100 วัน แต่เงื่อนไขการให้บริการยังคงจำกัดเฉพาะ "ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น"
ร้านตัดผมแห่งหนึ่งในเมืองซิดนีย์ กลับมาให้บริการกับประชาชนอีกครั้งภายใต้วิถีใหม่
ด้านนายโดมินิก เปอร์รอตเทต มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า หน่วยงานสาธารณสุขคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีก แต่อาการของผู้ติดเชื้อไม่น่ารุนแรงมากนัก เนื่องจากการฉีดวัคซีนคืบหน้าไปมาก แต่ยืนยันว่า ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมรับมือ "ในกรณีสถานการณ์เลวร้ายที่สุด"
ขณะที่รัฐบาลกลางในกรุงแคนเบอร์รา เตรียมกลับมาเปิดพรมแดนให้กับชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ หลังปิดพรมแดนตั้งแต่เดือน มี.ค.ปีที่แล้ว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง "ยอมรับ" ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวค และโควิชิลด์ ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของวัคซีนแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ที่ผลิตในอินเดีย 

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงผิดหวัง ที่วัคซีนของจีนและอินเดียอีกตัวหนึ่ง คือ ซิโนฟาร์มและโควาซิน ยังไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลออสเตรเลีย.

เครดิตภาพ : AP