จากกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 65 ตามคดีหมายเลขดำที่ 174/2562 หมายเลขแดงที่ 485/2563 ในคดีทุจริตการเลือกตั้ง อบจ.นครศรีธรรมราช ก่อนถูกคุมตัวเข้าเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 65 และรับโทษจำคุก 16 เดือน หรือ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไข จึงเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ โดยมีกำหนดพักโทษครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 และเดินทางไปยังสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดกำไล EM ก่อนเดินทางกลับไปพักผ่อนยังสถานที่ที่ได้แจ้งการพักโทษไว้จนกว่าจะครบ 8 เดือน ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ ศูนย์บริการงานกรมคุมประพฤติ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาติดต่อขอถอดกำไล EM กับพนักงานคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 11 เนื่องจากผู้อุปการะของผู้ได้รับการพักโทษ คือ ภรรยาของนายเทพไท ซึ่งมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อครบกำหนดจึงมาถอดกำไล EM สถานที่ดังกล่าว

นายเทพไท กล่าวว่า “ตนยืนยันว่าเป็นคนธรรมดา ชาวบ้านติดกำไล EM และมารายงานตัวตามกำหนดครบทุกครั้ง ส่วนนายทักษิณ ครบโทษวันอาทิตย์ ออกวันนั้นเลย ขณะที่ตนครบโทษวันเสาร์ กลับต้องออกจากเรือนจำในวันจันทร์ อ้างว่าเป็นวันหยุดราชการ ตนจึงขอเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณชัดเจนที่สุด”

“การที่ตนออกมาพูดถึงนายทักษิณ ตนไม่ได้โจมตี แต่แค่เปรียบเทียบว่าการปฏิบัติกับนายทักษิณ และตนหรือนักโทษคนอื่นๆ มันแตกต่างกันอย่างไร มีการแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะตนมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้และเป็นนักโทษเหมือนกัน ถูกคุมขังในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เพราะนักโทษคนอื่นในเรือนจำ ไม่สามารถมีสิทธิพูดเหมือนกับตน ตนจึงเป็นตัวแทนสะท้อนความรู้สึก ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีอคติส่วนตัวกับนายทักษิณ แต่อย่างใด”

นายเทพไท ระบุอีกว่า ส่วนกรณีที่นายทักษิณไปร่วมงานบวชของลูกชายนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี มองว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากก่อนเดินทางกลับประเทศไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน และตนเชื่อว่าหลังจากวันที่ 22 ส.ค. นี้ เมื่อนายทักษิณได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษ ก็จะมีการเคลื่อนไหวมากกว่านี้.