สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงคิงส์ตัน ประเทศจาเมกา เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ว่า พายุเฮอริเคนเบริลกำลังแรงพัดถล่มแนวชายฝั่ง ทางตอนใต้ของจาเมกา ด้วยลมอันตรายและคลื่นทะเล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย ในภูมิภาคทะแลแคริบเบียน

ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นเอชซี) ระบุว่า พายุเฮอริเคนระดับ 4 ลูกนี้ มีเส้นทางเคลื่อนผ่านจาเมกา และหมู่เกาะเคย์แมน ที่อยู่ทางตะวันตกของทะเลแคริบเบียน ก่อนเคลื่อนเข้าสู่คาบสมุทรยูคาทาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโก อนึ่ง เฮอริเคนเบริลความรุนแรงอยู่ที่ระดับ 4 เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และอาจขึ้นไปถึงระดับ 5 ในเดือน ก.ค. นี้

ขณะที่นายแอนดรูว์ โฮลเนสส์ นายกรัฐมนตรีจาเมกา ประกาศเคอร์ฟิวทั่วทั้งจาเมกา ซึ่งมีประชากร 2.8 ล้านคน และเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามคำสั่งอพยพ “หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมและดินถล่มในอดีต หรือหากคุณอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ผมขอให้คุณอพยพไปยังศูนย์พักพิง หรือไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่านี้”

อนึ่ง เฮอริเคนเบริลคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 3 ราย ในเกรเนดา ขณะที่ในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย จากอิทธิพลของพายุลูกนี้ และในเวเนซุเอลา มีรายงานชายคนหนึ่งเสียชีวิตที่รัฐซูเกร ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ทั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่พายุรุนแรงจะก่อตัวในช่วงต้นฤดูเฮอริเคนของมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือน มิ.ย.-พ.ย. แต่ละปี โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า อุณหภูมิมหาสมุทรที่อบอุ่น เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการก่อตัวของพายุ รวมไปถึงน้ำในมหาสมุทรที่ขณะนี้อุ่นกว่าปกติประมาณ 1-3 องศาเซลเซียส

นายไซมอน สตีลล์ หัวหน้าฝ่ายสภาพอากาศของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังทำให้ภัยพิบัติมีอำนาจทำลายล้างในระดับใหม่ “ภัยพิบัติในระดับที่เคยเป็นเรื่องราวในนิยายวิทยาศาสตร์ กำลังกลายเป็นเรื่องจริงในเชิงอุตุนิยมวิทยา และวิกฤติสภาพภูมิอากาศก็เป็นสาเหตุหลัก”.

เครดิตภาพ : AFP