น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีได้มาประชุมนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.นครราชสีมา ทาง ททท.จะเร่งกระตุ้นท่องเที่ยว จ.นครราชสีมา ในฐานะเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองน่าเที่ยว รับนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism
โดยดัน 3 จุดขายจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ต่อยอดเส้นทาง “เมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก” การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ควบคู่กับการนำเสนออัตลักษณ์ 5 Must Do in Nakhonratchasima พร้อมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ (นครรราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) โดยเจาะกลุ่มเป้าหมาย อินเซนทีฟ แอคทีฟ ซีเนียร์ และมิเลเนียลหรือคนรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวสู่การเป็นจุดหมายในระดับสากล
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคที่มีเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดถึง 18 จังหวัด จากเมืองน่าเที่ยวทั้งสิ้น 55 จังหวัด จึงต้องเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและหาจุดขาย โดยนำร่องกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ปักหมุดเมืองศักยภาพสูงอย่างนครราชสีมา ก่อนจะเชื่อมโยงไปสู่เมืองน่าเที่ยวอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งนครราชสีมามีต้นทุนทางการท่องเที่ยวอย่างครบครัน ทั้งจุดขายของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์”
นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. กล่าวว่า จ.นครรราชสีมา เป็นเมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก จังหวัดแรกและจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีโปรแกรมของยูเนสโกครบทั้ง 3 โปรแกรม ได้แก่ สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช มรดกโลกทางธรรมชาติผืนป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่ และ อุทยานธรณีโลกโคราช ถือเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ ททท. จะนำมาผลักดันทางการท่องเที่ยวต่อไป โดยในปี 67 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวมานครรราชสีมาให้ได้ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท เท่ากับที่เคยได้ก่อนสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยว จ.นครราชสีมา ปี 66 พบว่า มีนักท่องเที่ยวสะสม 7.939 คนครั้ง แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 7.785 คนครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.539 แสนคนครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียน 1.489 หมื่นล้านบาท ส่วนในภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยว จ.นครราชสีมา ปี 67 เดือน ม.ค.-เม.ย. มีนักท่องเที่ยวสะสม 2.821 ล้านคนครั้ง แบ่งเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 2.745 ล้านคนครั้ง และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.531 หมื่นคนครั้ง
