สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่ากรมประมงรายงาน ผลการศึกษาวิจัยในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า แนวปะการังในอุทยานทางทะเลของมาเลเซียมากกว่าร้อยละ 50 ได้รับผลกระทบจากการฟอกขาว ซึ่งเกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น
ความเครียดจากความร้อนที่รุนแรงหรือยาวนาน ส่งผลให้ปะการังตาย แม้จะมีความเป็นไปได้ในการฟื้นตัว หากอุณหภูมิลดลงและปัจจัยอื่น ๆ เช่น การตกปลาจำนวนมาก และมลพิษที่ลดลง ด้วยเหตุนี้ กรมประมงได้เรียกร้องให้บริษัททัวร์ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อลดแรงกดดันต่อแนวปะการัง “หากการฟอกขาวลุกลามมากกว่าร้อยละ 80 มาตรการเพิ่มเติมอาจรวมถึง การจำกัดการเข้าถึงชั่วคราว เพื่อปกป้องแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบ”
ขณะเดียวกัน กรมประมงเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการ ตอบสนองต่อการฟอกขาวของปะการัง โดยร่วมมือกับนักวิจัย, เอ็นจีโอ และตัวแทนจากรัฐซาบาห์และซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว เนื่องจากมาเลเซียมีจุดดำน้ำยอดนิยมมากมาย และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์และมีชีวิตชีวา โดยผืนน้ำรอบ ๆ เกาะ 42 แห่ง ที่ถือเป็นอุทยานทางทะเล
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า สถานการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วโลกกำลังขยายตัวและเลวร้ายยิ่งขึ้น หลังอุณหภูมิของมหาสมุทรส่งผลกระทบต่อแนวปะการังใน 62 ประเทศ ทำให้เปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างน่ากลัว และขับไล่สาหร่ายที่สาหร่ายซูแซนเทลลีขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งทำหน้าที่ผลิตอาหารและให้สีสันแก่แนวปะการัง
หากไม่มีสาหร่ายและอุณหภูมิไม่ลดลง แนวปะการังจะกลายเป็นสีขาวและตายในที่สุด โดยผลกระทบของปะการังฟอกขาวไม่ได้จำกัดเพียงแค่ต่อมหาสมุทรเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้คน, ความมั่นคงทางอาหาร และเศรษฐกิจในท้องถิ่นด้วย.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES