วันที่ 24 มิ.ย. 67 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกับ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนายภาร ปีตธวัชชัย แถลงข่าวร่วม 3 หน่วยงาน ในเรื่องมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/IMG_0783-1280x895.jpeg)
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเคยคิดกันว่าจะไปถึง 1,800 จุด ไหม แต่เมื่อเจอปัจจัยกระทบต่างๆ กลับลดลง ซึ่งปัจจุบันดัชนีอยู่ราว 1,300 จุด ปรับลดลงตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) แม้จะมีกลุ่มท่องเที่ยวที่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้น
ดังนั้น เมื่อเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวขึ้น จึงเป็นโอกาสในการออกมาตรการที่ช่วยกระตุ้นการออม และตลาดทุน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/IMG_0782-1280x853.jpeg)
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวแล้วในบางกลุ่ม เช่น กลุ่มการบริโภค ไอที สุขภาพ และการท่องเที่ยว แต่ในกลุ่มด้านพลังงานและการเงินยังไม่ฟื้นตัว และมีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่หากเทียบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยจึงทำให้ดัชนียังไม่ฟื้นตัวมากนัก และถือว่าราคาหุ้นไทยไม่สูงจึงถือเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในระยะยาว
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/IMG_0784-1280x767.jpeg)
โดย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติปรับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ไทยอีเอสจี) ปรับวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 300,000 บาท จากเดิม 100,000 บาท พร้อมลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี จากเดิม 8 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) รวมถึงขยายนโยบายการลงทุนให้หลากหลายมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนไทยอีเอสจี เงื่อนไขใหม่จะช่วยให้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากกองทุนไทยอีเอสจี ในปี 2566 ที่มีระยะเวลาขายเพียง 1 เดือน มีเงินไหลเข้าราว 6,000 ล้านบาท
“ก.ล.ต. อยากเห็นการออมของภาคประชาชนและอยากเห็นการเข้าถึงตลาดทุนของคนทุกคน ที่ผ่านมาจึงได้รับความร่วมมือจากภาครัฐในเรื่องกองทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาตั้งกองทุนไทยอีเอสจีขึ้นโดยหุ้นที่จะไปลงทุนได้จะต้องเป็นหุ้นที่มีความสำคัญในเรื่องของกรีน หรือรักษ์โลก ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนที่ลุกขึ้นมาเปิดเผยข้อมูล คาร์บอนฟุตพรินต์เพิ่มขึ้นถึง 30% โดยกระตุ้นให้เกิดสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ออม รวมทั้งผู้ระดมทุนที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ความสำคัญในเรื่องของกรีนได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ ยังเตรียมฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์ที่อยู่ภายใต้กระทรวงการคลัง ซึ่งแม้จะไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ได้รับอัตราผลตอบแทนตามจริง โดยมีขั้นต่ำและขั้นสูงต่อปี เป็นเวลา 10 ปี พร้อมกับการกำกับดูแลตลาดทุนแบบรอบด้าน เช่น ปรับคุณสมบัติบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน ซึ่งเป็นมาตรการดูแลตั้งแต่ก่อนเข้ามาซื้อขาย, ทบทวนหุ้นที่ชอร์ตเซลได้ ซึ่งเป็นมาตรการระหว่างซื้อขาย ไปจนถึงการปรับมาตรการเพิกถอนบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น