นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ได้เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการดำเนินการและรับฟังประโยชน์ที่ภาคเอกชนได้รับจากการปรับปรุงกฎหมายในการประกอบธุรกิจ
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายต่อการให้บริการประชาชนและการประกอบธุรกิจ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการขออนุญาตและขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐ
ทั้งนี้ นายกฯ ได้มีการให้ข้อสังเกตและปรารภถึงกรณีที่ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ รวมถึงงานเทศกาลดนตรีหรืองานคอนเสิร์ตที่มาแสดงในประเทศ คณะทีมงานเหล่านี้ต้องมีการเดินทางเข้าเตรียมงานล่วงหน้าก่อน 15 วัน ซึ่งการที่ขยายให้เข้ามาทำการแสดงไม่เกิน 15 วันนั้น ควรมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการขยายกรอบเวลาตรงนี้ได้หรือไม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานหรือเตรียมงานจริงได้อย่างเพียงพอ โดยศนายธงทอง รับนำประเด็นนี้ไปประชุมหารือร่วมกับกรมจัดหางานต่อไป
นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (doing-business) กล่าวว่า ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย มีมูลค่าถึงประมาณปีละ 7,000 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถปลดล็อกกฎหมายในเรื่องนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมากขึ้น ก็คาดว่าจะมีโอกาสขยายมูลค่าได้ถึงประมาณ 15,000 ล้านบาท สำหรับการดำเนินการในเรื่องนี้ กรมการจัดหางานได้ดำเนินการ โดยการปลดล็อกกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศและการจัดงานเทศกาลดนตรี ที่กรมการจัดหางานดำเนินการอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่
1.ยกเว้นการตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติจีนกรณีเดินทางเข้ามากับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศฯ โดยมีหนังสือรับรองจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ทำให้อำนวยความสะดวกในการยื่นคำขออนุญาตทำงาน โดยในปี พ.ศ. 2566 มีคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 3 จำนวน 471.98 ล้านบาท รองจากสหรัฐอเมริกาและฮ่องกง ตามลำดับ
2.อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงการขออนุญาตการทำงาน การออกใบอนุญาตทำงานและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2563 เพื่อให้สามารถมีผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ที่ได้รับมอบหมายมารับใบอนุญาตทำงานแทนได้ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2567
3.อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มงานเทศกาลดนตรีหรืองานคอนเสิร์ตที่หน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุน เป็นงานอันมีลักษณะจำเป็นหรือเร่งด่วนหรือเฉพาะกิจ กรณีเข้ามาทำการแสดงไม่เกิน 15 วัน โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงานเพื่อลดอุปสรรคเรื่องการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ให้แก่คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานคอนเสิร์ตและงานเทศกาลดนตรีนานาชาติในประเทศไทย
น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวว่า สำนักงาน ก.พ.ร. ได้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 โดยได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. …. ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วยแล้ว โดยมีหลักการสำคัญ เช่น การจัดให้มีช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วนสำหรับประชาชนในการรับบริการจากหน่วยงาน การขยายขอบเขตให้ทุกใบอนุญาตสามารถชำระค่าธรรมเนียมแทนการต่ออายุใบอนุญาต เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหลายหน่วยงาน
นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับหลักการดังกล่าว เช่น การลดความซ้ำซ้อนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานของต่างประเทศ ทำให้ลดระยะเวลาคำขอขึ้นทะเบียนที่อ้างอิงผลประเมิน WHO CRP จากยาใหม่ จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาถึง 310 วัน ลดเหลือเพียง 90 วัน การจัดให้มีช่องทาง Fast Track การยื่นคำขอนำเข้าสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องมือแพทย์และเครื่องสำอางเพื่อมาถ่ายทำภาพยนตร์ ผ่านระบบ e-Submission ซึ่งสามารถอนุมัติได้ภายใน 24 ชั่วโมง การชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต เป็นต้น
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ รวมถึงงานเทศกาลดนตรีหรืองานคอนเสิร์ตที่มาแสดงในประเทศ และการจัดนิทรรศการนั้น จะมีการนำผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาร่วมในการถ่ายทำด้วย เช่น อาหาร เครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง และยา เรื่องนี้ อย.ได้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการ โดย อย. ได้มีการทำงานร่วมกับ ก.พ.ร. ในการปรับกระบวนการภายใน อย. ทั้งหมด เพื่อให้สามารถอนุมัติและอนุญาตได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยได้พัฒนาการให้บริการประชาชนในรูปแบบ e-Service และลดขั้นตอนและระยะเวลาการอนุญาต ด้านอาหาร ด้านยา ด้านเครื่องมือแพทย์
ทั้งการจดทะเบียนสถานประกอบการและการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ เช่น ปรับลดระยะเวลาการแจ้งรายละเอียดอาหาร/จดทะเบียนอาหาร/ขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร ตามความเสี่ยงของกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีความเสี่ยงต่ำใน 28 ประเภท สามารถได้รับอนุญาตโดยอัตโนมัติ (Auto e-permission) ลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตให้ผู้ผลิตอาหารไทยยอดนิยม เช่น ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ ข้าวซอย และผัดไทย
สำหรับอาหารไทยปรุงสำเร็จในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท จาก 78 วันทำการ เหลือ 44 วันทำการ ทั้งนี้ เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันตามนโยบายวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานเกี่ยวกับเวชภัณฑ์หรือเครื่องมือแพทย์ ในกรณีที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การยื่นขอจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ จากเดิม 50 วันทำการ เป็น 30 วันทำการ และการยื่นขอจดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ จากเดิม 70 วันทำการ เป็น 30 วันทำการ
ทั้งนี้ ประเด็นที่ นายกฯ ได้ฝากเกี่ยวกับธุรกิจจากต่างประเทศที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เช่น บริษัทยารายใหญ่ ๆ บริษัทผลิตวัคซีน หรือบริษัทผลิตชีววัตถุฯ ซึ่งกรณีที่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานอนุมัติและอนุญาตจากต่างประเทศมาแล้วจะสามารถมาอนุมัติในไทยได้เร็วขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้ในส่วนของเครื่องมือแพทย์ อย.ได้มีการปรับลดกระบวนการดำเนินการภายในแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่ได้รับการอนุมัติมาแล้วจากยุโรป แคนาดา WHA รวมถึงระยะเวลา โดยจากระยะเวลาประมาณ 180 วัน เหลือประมาณ 80 กว่าวัน ไม่เกิน 90 วัน
อย่างไรก็ตาม อย. ได้มีการปรับการดำเนินการภายในให้เร็วกว่าที่ประกาศต่อสาธารณะด้วย นอกจากนี้ อย. ยังเป็น 1 ใน 10 หน่วยงานนำร่องเรื่องของการอำนวยความสะดวกในการที่จะลดและไม่รับเอกสาร โดยเฉพาะเอกสารทางนิติบุคคล สามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้าไปติดต่อทำธุรกรรมได้ โดยได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา รวมทั้ง อย. ได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในการดำเนินการตรงนี้ด้วย
นายกุลเทพ นฤหล้า นายกสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ ผู้แทนภาคเอกชนเห็นว่าการปรับปรุงกฎหมายทั้งการติดต่อขออนุญาตเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย การอำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องมือแพทย์และเครื่องสำอางเพื่อมาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ การปลดล็อกข้อจำกัดของการรับใบอนุญาตทำงานของคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่ต้องรับใบอนุญาตทำงานที่นายทะเบียนออกให้ด้วยตนเอง เป็นการดำเนินการที่เป็นประโยชน์กับภาคเอกชนในการประกอบธุรกิจ ทำให้การยื่นคำขออนุญาตต่าง ๆ เกิดความสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังมีการดำเนินการในส่วนอื่นที่รัฐบาลเร่งผลักดันให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ และจะได้รายงานให้ทราบต่อไป