“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 36.94 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงต้นสัปดาห์ตามภาพรวมของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียที่อ่อนค่าลงท่ามกลางแรงหนุนต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งอาจทำให้จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดเลื่อนออกไป

เงินบาททยอยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในระหว่างสัปดาห์ หลังจากเงินดอลลาร์ กลับมาเผชิญแรงขายตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐ ทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมเฟด ประกอบกับเงินดอลลาร์ มีปัจจัยลบจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน

เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางเงินเยน ซึ่งอ่อนค่าลงหลัง BOJ มีมติคงดอกเบี้ยและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นที่ระดับเดิม ขณะที่แผนการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น แม้ BOJ จะมีการส่งสัญญาณเตรียมดำเนินการ แต่ก็จะเปิดเผยรายละเอียดในการประชุมเดือน ก.ค. อีกครั้ง

ทั้งนี้ การประชุมนโยบายการเงินของไทยและสหรัฐ ในช่วงกลางสัปดาห์ ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมตามที่ตลาดคาด โดย กนง. มีมติ 6:1 เสียงให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% ขณะที่เฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่กรอบ 5.25-5.50% และมีการปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายผ่าน dot plot มาสะท้อนโอกาสการลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้

ในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 มิ.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 มิ.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 9,376 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,661 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 3,358 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 303 ล้านบาท)

สัปดาห์ถัดไป (17-21 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.50-37.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัจจัยทางการเมืองของไทย และสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือน มิ.ย. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือน พ.ค. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. และผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ค. และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือน มิ.ย. ของญี่ปุ่น อังกฤษ ยูโรโซนและสหรัฐ ด้วยเช่นกัน