นั้นหมายถึง การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานได้เหมือนมนุษย์หรือมากกว่าสมองของมนุษย์ จากที่เราคุ้นเคยกันอยู่เอไอแบบง่าย เช่นการตอบคำถามของคอลเซ็นเตอร์ได้ตลอด 24 ชม. โดยระบบตอบอัตโนมัติ ผู้ช่วยเสียงเช่น Siri ของ Apple หรือการวิเคราะห์ข้อมูล วัดความรู้สึกของลูกค้า และนำเสนอการแสดงภาพข้อมูลสำหรับผู้ใช้ปลายทางแอปพลิเคชันการจดจำรูปภาพและใบหน้า

อีก 5 ปีเอไอทำให้มนุษย์ไม่ต้องทำงาน

เวทีการบรรยายพิเศษเรื่อง “เมื่อเอไอครองโลก มนุษย์จะอยู่อย่างไร” โดย ศ.กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต รักษาการผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าพัฒนา AI ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งแนวโน้มที่กำลังจะเกิดในอนาคตอันใกลนี้ จากนี้ไปเราจะต้องอยู่กับ AI ตลอดเวลา ประชาชนต้องใช้ AI ให้เป็น และเข้าใจในประโยชน์และโทษของ AI

“ในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า AI จะมีความฉลาดมากกว่ามนุษย์ สามารถทำทุกอย่างที่มนุษย์ทำได้ AI ในรูปของหุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในลักษณะงานที่ต้องทำซํ้า สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่บ่น ไม่มีอารมณ์ ทำได้ตลอดเวลา ทำให้ผลผลิตต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปมนุษย์ก็ไม่ต้องทำงาน สามารถใช้ชีวิตอิสระมากขึ้น ไม่ต้องอยู่ในที่ทำงานแคบ ๆ อีกต่อไป” ศ.กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์ กล่าว

เอไอเข้ามาทำงานแทนมนุษย์เกินครึ่ง

ศ.กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบัน AI ยังถูกออกแบบให้ทำงานได้เฉพาะอย่าง อนาคต AI จะถูกพัฒนาถึงระดับปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ ที่เรียกว่า Artificial General Intelligence หรือ AGI สามารถเลือกทำอะไรก็ได้ในสิ่งที่มนุษย์สั่ง เป็นหุ่นยนต์ที่มีสมองเป็น AI โดยเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้อย่างหลากหลาย ทำงานได้เร็วกว่า นานกว่า ฉลาดกว่า และราคาถูกกว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าแรงงานมนุษย์จะหายไปในระบบไม่ตํ่ากว่า 50% ลักษณะงานที่ถูกแทนที่โดย AI เช่น พนักงาน Call Center ผู้ที่ให้บริการในธนาคาร ศิลปินที่เขียนภาพ ฯลฯ ทำให้เกิดโลกแห่งความเหลือเฟือ (Abundant World) เกิดผลิตภัณฑ์ที่ AI ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ราคาจะถูกลงเรื่อย ๆ อีกไม่นานสังคมมนุษย์จะเข้าสู่ยุค “เศรษฐกิจยุคหลังแรงงานมนุษย์ (Post-Labor Economy)” ที่ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในสถานะไม่ต้องทำงานแล้ว ซึ่งในเชิงเศรษฐกิจถือว่าเป็น “ชนชั้นไร้ประโยชน์” (Useless Class) จนถึงแนวคิดเรื่องการได้รับ “เงินยังชีพพื้นฐานถ้วนหน้า (Universal Basic Income หรือ UBI)” ในอนาคตทุกคนจะได้เบี้ยยังชีพ ทำให้ความมั่งคั่งของประเทศที่มีอยู่จะหายไปเรื่อย ๆ ประเทศที่มีความก้าวหน้าด้าน AI จะครอบครองความมั่งคั่งของโลก ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้อาจทำให้ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกเปลี่ยนไป

พัฒนาการที่ก้าวลํ้าของ AGI

ทั้งนี้ ระบบ AGI ควรมีความสามารถและความเข้าใจดังต่อไปนี้ 1.การคิดแบบนามธรรม 2.ความรู้พื้นฐาน 3.การใช้ความคิดเบื้องต้นเหตุและผลถ่ายทอดการเรียนรู้ ทั้งนี้ตัวอย่างการใช้งานจริงของความสามารถ AGI ​​มี 5 ตัวอย่างต่อไปนี้ :

1.ความคิดสร้างสรรค์ ตามทฤษฎีแล้ว ระบบ AGI จะสามารถอ่านและทำความเข้าใจโค้ดที่มนุษย์สร้างขึ้นและปรับปรุงได้  2.การรับรู้ทางประสาทสัมผัส AGI จะเก่งในเรื่องการจดจำสี ซึ่งเป็นการรับรู้แบบอัตนัย นอกจากนี้ยังสามารถรับรู้ความลึกและสามมิติในภาพนิ่งได้อีกด้วย 3.ทักษะยานยนต์อัจฉริยะ ตัวอย่างนี้รวมถึงการหยิบกุญแจจากกระเป๋าซึ่งเกี่ยวข้องกับระดับการรับรู้เชิงจินตนาการ 4.ความเข้าใจภาษาธรรมชาติ (NLU) ความหมายของภาษามนุษย์ขึ้นอยู่กับบริบทเป็นอย่างมาก ระบบ AGI จะมีระดับสัญชาตญาณที่จะเปิดใช้งาน NLU 4.การนำทาง Global Positioning System (GPS) ที่มีอยู่สามารถระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ได้ เมื่อพัฒนาอย่างเต็มที่แล้ว AGI จะสามารถฉายภาพการเคลื่อนไหวผ่านพื้นที่ทางกายภาพได้ดีกว่าระบบที่มีอยู่

 อย่างไรก็ตามนักวิจัยเอไอยังคาดการณ์ด้วยว่าระบบ AGI จะมีความสามารถในระดับที่สูงกว่า เช่น สามารถทำสิ่งต่อไปนี้ 1.จัดการอัลกอริทึมการเรียนรู้และการเรียนรู้ประเภทต่าง ๆ 2.สร้างโครงสร้างคงที่สำหรับงานทั้งหมด 3.ทำความเข้าใจระบบสัญลักษณ์ 4.ใช้ความรู้ประเภทต่าง ๆ 5.เข้าใจระบบความเชื่อ

เอไอตัวทำให้มนุษย์อยู่ได้ในภาวะโลกเดือด

ศ.กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์ กล่าวถึงการรับมือเอไอของประเทศประชาชนทุกคนต้องมีความรู้เท่าทัน    เอไอ (AI Literacy) ซึ่งจะต้องปูพื้นฐานตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตขึ้นจะได้ใช้เอไอ ให้เป็น ในส่วนของภาครัฐควรตั้งทีมงานในลักษณะที่เป็นมันสมองของชาติเพื่อประมวลข้อมูลทางด้าน AI และพิจารณาว่าจุดยืนของประเทศควรจะอยู่ที่ใด มีการประชาสัมพันธ์แผนยุทธศาสตร์ให้ประชาชนเข้าใจว่าเพราะเหตุใด AI จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ รวมทั้งจะต้องทำให้ประชาชนได้รับการอบรมให้มีความเข้าใจในเรื่อง AI

อย่างไรก็ตามมองว่าเอไอจะเป็นตัวช่วยสำคัญ ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะผู้คนทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบ ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทาย คาดการณ์ว่าเอไอจะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโซลูชันด้านสภาพอากาศ การประยุกต์ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมจะช่วยในการจัดการทรัพยากรและการตอบสนองต่อภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความพยายามด้านความยั่งยืน​​

โลกจะขับเคลื่อนด้วยเอไอ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจจะมีการนำเอไอเข้ามาใช้อย่างเข้มข้น.

พรประไพ เสือเขียว