โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีและขึ้นแท่นสาวฮอตที่แฟน ๆ ซัพพอร์ตอยู่เสมอสำหรับนักร้องสาวสวย น้ำหนึ่ง-มิลิน ดอกเทียน ที่ไม่ว่าจะปล่อยผลงานอะไรออกมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ อยู่ตลอด ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสได้พูดคุยถึงมุมมองและทัศนคติของสาวน้ำหนึ่งที่ได้รับจากการทำงานในวงการบันเทิง รวมถึงเรื่องลับ ๆ ครั้งแรก ของสาวน้ำหนึ่งมาฝากกัน ซึ่งบอกเลยว่า อ่านบทสัมภาษณ์จบ แฟน ๆ จะหลงรักสาวน้ำหนึ่งขึ้นอีกร้อยเท่าและรู้จักตัวตนของเธอเพิ่มขึ้นอีก 50% เลยจ้า ไม่เชื่อตามมาจ้า

ทักทายแฟน ๆ สักหน่อย?

“สวัสดีค่ะ น้ำหนึ่ง มิลินค่ะ (ยิ้ม)”

ตอนนี้สวมบทบาทนักแสดงหรือนักร้องอยู่กันแน่?

“จริง ๆ ถ้าพูดถึงเรื่องงาน ตอนนี้หนูยังไม่เป็นนักแสดงค่ะ แต่ตอนนี้ปล่อยเพลงออกไปเป็นเพลงที่ร้องประกอบ Ost.นิยายเรื่อง Between SUN and MOON ชื่อเพลง “Under The Sun” ค่ะ เป็นเพลงรัก จังหวะฟังง่าย ๆ จุดเริ่มต้นการทำงานคือทางพี่สตูดิโอเขาติดต่อมาว่าอยากให้ไปร่วมถ่ายทอดเพลง เพลงนี้ เป็นตัวแทนหลักของตัวละครในเรื่อง อยากให้ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครตัวนั้นที่ชื่อหนึ่งตะวัน เนื้อหาถ้าในท่อนฮุกมันร้องว่า ถ้าเราใกล้กันกว่านี้ขึ้นมาฉันจะต้านเธอไหวแค่ไหน ก็คือเหมือนเป็นแบบเราได้รักใครสักคนนึงที่แบบเขาต่างกับเรามาก ๆ แล้วเราแบบพร้อมที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จริง ๆ หนูเป็นคนที่แบบไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเวลาร้องเพลง ต่อให้เราเป็นไอดอลมาแล้ว 6 ปีแต่เราต้องไปร้องเพลงเดี่ยว ๆ เราก็จะมีความกังวลมากขึ้น ก็เลยรู้สึกแบบกังวลนิดนึง แต่ก็เป็นงานที่ตื่นเต้นแล้วอยากจะทำ พอมีโอกาสได้ทำก็รู้สึกดีมาก ๆ ดีใจที่พี่ ๆ เห็นอะไรในตัวเราและเชิญให้เราร้องเพลง ๆ นี้ ได้ถ่ายทอดมันออกมา ได้ฟังฟีดแบ็กจากแฟน ๆ ก็โอเคค่ะ”

จะมีงานแสดงออกมาให้ได้เห็นกันไหม?

“รอก่อนค่ะ ในหมวดของการแสดงก็มีมาให้เราไปแคสต์บ้าง หรือมีบทออกมาให้เราได้ดูบ้าง แต่ตัวละครบางบทเรายังไม่เหมาะกับตัวละครตัวนั้นรึเปล่า บางทีบางบทแรงไปรึเปล่า ตอนนี้รอตัวละครที่เหมาะสมกับเราเดินทางมาเจอกันค่ะ”

ถ้าเป็นบทต่าง ๆ น้ำหนึ่งถนัดหรืออยากแสดงแนวไหน?

“จริง ๆ หนูได้หมดเลยไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม แต่ดูเรื่องราวสตอรี่ก่อนที่เราอยากจะกระโจนออกมาหรือเข้าไปอยู่ในนั้นรึยัง ก็จะเป็นในเรื่องราวของสตอรี่ซะส่วนใหญ่ ในเรื่องของการตัดสินใจว่าเราจะรับงานแสดงอันนี้จังเลย”

ภาพฝันของตัวเองเคยมองว่าจะมาเป็นศิลปินไอดอลไหม?

“ไม่เคยเลยค่ะ ตั้งแต่สมัยเด็กไม่เคยเลย หนูเติบโตที่ จ.สิงห์บุรีเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่ต่างจังหวัด การที่เราแบบอยากจะไปเป็นดารา นักร้องจังเลย มันค่อนข้างที่จะไกลตัวมาก เหมือนเราเติบโตมาโอเคฉันจะตั้งใจเรียนจบมาไปเป็นทหาร พยาบาล หมอ ตำรวจอะไรอย่างนั้น เป็นอาชีพที่ทางผู้ใหญ่มองว่ามั่นคง เป็นความชื่นชอบในใจแล้วเก็บไว้ลึก ๆ โอเคฉันจะตั้งหน้าตั้งตาเรียน แล้ววันนึงก็มีอาชีพเลี้ยงตัวเองเลี้ยงพ่อแม่ได้ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาสายดารานักร้องแต่มีหมอดูบอกนะคะ (ยิ้ม) คือหนูไม่ใช่สายมูหรอก คือเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแล้วเขาเหมือนแบบไม่มีไรทำแล้วนั่งดูลายมือกัน เขาบอกเดี๋ยวจะเป็นคนมีชื่อเสียง หนูไม่คิดว่าจะเป็นดารา หนูคิดว่ามีชื่อเสียงเหรอ เป็น สส.รึเปล่า (หัวเราะ) แบบมีชื่อเสียงในย่านนี้ แบบเป็น สส. สจ. นายก อบต. ไปโซน ๆ นั้นเลย คือหนูไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ยังไง ด้วยสายการเรียนของเราเอย คือเราก็ไม่ได้ว่างทำอะไรนอกจากเสาร์-อาทิตย์ เรียนพิเศษ จันทร์-ศุกร์ก็เรียน แล้วก็มาเรียนพิเศษ แล้วเราก็แบบไม่เคยเรียนร้องเรียนเต้นเลย”

สุดท้ายชีวิตพลิกผันมาเป็นไอดอลของแฟน ๆ ที่เขารักมากรู้สึกอย่างไร?

“จำความได้เลยตอนเข้าไปในห้องซ้อมครั้งแรกคือเราเจอกระจกที่เป็นห้องซ้อมเต้นเลย หนูรู้สึกว่าหนูมีความสุขมากที่ได้ลองเต้นหน้ากระจก มันคือฝันที่เราแอบฝัน แต่เราก็รู้สึกว่าต้องปรับตัวเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ก็รู้สึกว่ายากมากพอสมควร เราไม่เคยกับการที่ต้องใช้ร่างกายเยอะขนาดนี้มาก่อน เราต้องเต้นแบบเสาร์-อาทิตย์เนี้ย 7-8 ชั่วโมง คือปกติเราไปเรียนเราก็ไปนั่งแล้วก็เดินทางกลับหอ เดินทางกลับบ้านหรือออกกำลังกายมากสุดคือวิชาพละ แล้วพอใช้ร่างกายเยอะมันก็ไม่เคยอะ เหมือนร่างกายมันช็อต เหมือนปลาหมอน็อกน้ำ ช่วงนั้นก็เหมือนป่วยไปเลยก็กดดันมาก เราเจอกับเด็กที่ทุกคนสวยและทุกคนเก่ง มันก็แบบหึ้ยคนนั้นก็เก่ง คนนี้ก็เก่ง แล้วเราจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน”

เคยอยากจะล้มเลิกความฝันไหม?

“เคยค่ะ หลังจากเดบิวต์มาแล้ว และตอนนั้นติดเซ็มบัสซึเพลงแรก แล้วเหมือนเราก็ได้รับคอมเมนต์ที่มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือเหมือนคำวิพากษ์วิจารณ์มันบั่นทอนจิตใจเรามาก ๆ เหมือนเขาตัดสินเราจากรูปลักษณ์ภายนอก โดยที่เขาไม่รู้จักเราเลย รู้สึกที่นี่มันไม่เหมาะกับฉันรึเปล่า ฉันไม่เหมาะกับการเป็นไอดอลขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เหมาะกับการใส่ชุดน่ารัก ๆ แบบนี้ขนาดนั้นเลยเหรอ เหตุผลที่ทำให้หนูสู้ต่อเพราะว่ามีแฟนคลับค่ะ ก็คือเราได้กำลังใจที่ดีจากพ่อแม่ด้วย แล้วก็เพื่อน ๆ รอบตัวด้วย แล้วก็คือแฟนคลับ ณ ตอนนั้น แล้วรู้สึกว่าเขามาให้กำลังใจเราในขณะที่คนอื่นมองไม่เห็นเรา แต่เขาก็ยังที่เลือกที่จะให้กำลังใจเลือกที่จะสนับสนุนในตัวเรา แล้วก็เชื่อมั่นในตัวเราว่าแบบ คอยมาบอกว่าน้ำหนึ่งทำได้ ๆ อย่าเพิ่งท้อนะ สู้ ๆ นะ แบบทำไมเราถึงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ อยากจะล้มเลิกมันแล้ว ในขณะที่คนอื่นหลายคนเชื่อมั่นเรา มันมีช่วงนึงที่มันไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลย ด้วยพื้นฐานเดิมหนูเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะถ้าสมมุติอยู่ในตู้ปลาแล้วมีคนล้อมรอบไปหมดเลย หนูก็จะแบบนั่งก้มหน้าแล้วไม่มั่นใจในตัวเอง พอเราได้รับคอมเมนต์ที่มันไม่ดีอะ เราก็รู้สึกเขาจะชอบเราไหมมานั่งโต๊ะข้างหน้าตรงนี้ แล้วเราก็จะเห็นแฟนคลับกลุ่มเล็ก ๆ แล้วมาชูป้ายไฟมาให้กำลังใจเรา มันเป็นจุดพีกที่ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเราแต่เราไม่เชื่อมั่นในตัวเองเราไปทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วต่อให้เราอยู่ในจุด ๆ นี้ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในตัวเองอะ สิ่งทุกสิ่งที่เราทำในโลกใบนี้ก็คือไม่มีทางที่มันจะแบบไปได้ดีอยู่เเล้ว อะ! งั้นสู้สักตั้งนึง เพื่อเขาด้วยแล้วก็เพื่อตัวเองด้วย”

เห็นว่าล่าสุดน้ำหนึ่งมีการผลิต Photo Book อีกครั้ง ที่มาที่ไปมันเป็นยังไงเอ่ย?

“คือหนูอะเคยมี Photo Book สมัยอยู่ตั้งแต่ BNK48 เป็นแบบที่มีหลาย ๆ คน หรือแบบภาพยนตร์ ยังไม่เคยมี Photo Book เดี่ยวเลย เมื่อปลายปีที่แล้วเพิ่งจัดแฟนมีตไป หนูก็รู้สึกว่าเราจัดงานอะไรดีที่ทำให้เราเจอกับแฟนคลับ ให้เราได้มาคุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบกัน แล้วเหมือนเราก็ได้ยินฟีดแบ็กจากทุก ๆ คนว่าแบบอยากเห็น Photo Book เหมือนกัน ก็เลือกที่จะทำมาในปีนี้ค่ะ ขอสปอยล์แบบเหมือนหลายคนรู้แล้วว่า ในภาพสวยมากค่ะ มันจะมีคอนเซปต์ของ Photo Book ค่ะ ชื่อว่า One day stay with me ค่ะ ตอนถ่ายทำ ไม่ร้อนเลยค่ะ ด้วยความที่ One day stay with me เป็นการที่เราใช้ชีวิตร่วมกันกับน้ำหนึ่ง เป็นการแบบให้คุณมาอยู่กับน้ำหนึ่ง 1 วันจะเป็นยังไง ตั้งแต่ตื่นนอนเลย หน้าสดเลย ปกจะเป็นแนวหวาน ๆ ในสวนแบบเจ้าหญิง”

คอนเซปต์คิดเองเลยไหม?

“คิดคอนเซปต์เองเลยค่ะ ก็จะมีหลายลุคมาก ก็ใครแบบเห้ยอยากเจอพี่สาวลุคแซ่บ ๆ มีแน่นอน หึ้ยลุคตื่นนอนน้ำหนึ่งเป็นยังไงนะ หรือใครอยากดูแบบเท่ ๆ หน่อยก็มีเหมือนกัน”

มาถึงเรื่องความชอบกันบ้าง จริง ๆ ถามเรื่องใกล้ตัวก่อน วิชาที่ชอบคืออะไร ทำไมถึงชอบ?

“เอาจริง ๆ นะคะ ที่ค้นพบว่าชอบที่สุดในชีวิตเหรอคะ ชีววิทยา หนูชอบมากเป็นวิชาที่หนูออกจากท้องแม่มาแล้วร่ำเรียนมา เพิ่งมาค้นพบตอน ม.ต้นว่าเราชอบวิชาชีววิทยา คือหนูรู้สึกว่าหนูมีความสุขมากว่าอาณาจักรพืชและสัตว์มันเป็นมายังไง ด้วยความที่พื้นฐานเดิมชอบแบบต้นมงต้นไม้ เราก็ชอบมาก แบบอนาโตมี่ ม้าม ตับ ไต ไส้ พุง คือชอบมาก แล้วก็เป็นวิชาที่ตั้งแต่หนูเกิดมาจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ ก่อนสอบแล้วหนูอ่านมันหลายรอบ คือปกติหนูอ่านไม่ทันบ้าง อ่านไม่จบบ้าง เคยมีอ่านชีววิทยาอ่านบทเนี้ยประมาณ 5 รอบทั้งหมด 5 รอบเพราะว่าอยากได้คะแนนเต็ม แล้วเหมือนขาดไป 1 คะแนน ก็เต็มที่แล้ว ก็ไม่ได้เสียใจแต่เสียดาย (หัวเราะ)”

สีแรกที่สุดในชีวิตของเราคือสีอะไร เพราะอะไร?

“ของหนูสีชมพูค่ะ น่าจะเป็นสีแรก ๆ ที่เด็กผู้หญิงหลายคนน่าจะชอบ หนูเคยชอบแบบเตียงนอนก็ต้องเป็นสีชมพู ผ้าปูสีชมพู ผนัง ห้อง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ สาวหวานนะคะ (อมยิ้ม)”

แล้วตัวการ์ตูนตัวแรกล่ะชอบตัวไหน เพราะอะไร?

“ถามก่อนน้อง ๆ รู้จักไหม หนูชอบจ๊ะทิงจา ที่ตามหาพระอภัยมณี ตอนเย็น ช่อง 7 หนูชอบแบบดูเขาในทีวีด้วยแล้วก็ซื้อแผ่นซีดีด้วยแบบถูกลิขสิทธิ์แล้วหนูจะตื่นมาทุกเสาร์-อาทิตย์แล้วมันจะมีที่จ๊ะทิงจาไปทัวร์คอนเสิร์ตที่เดอะมอลล์ บางกะปิ แล้วหนูใฝ่ฝันมากว่าอยากมาเดอะมอลล์บางกะปิเพราะว่าอยากมาเจอจ๊ะทิงจาตอนนั้น ตอนนี้ไปไหนแล้วไม่รู้ (หัวเราะ)”

แล้วรักครั้งแรกเกิดขึ้นตอนไหนยังไง?

“เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนหนูอยู่อนุบาล 2 ค่ะ คือเพื่อนในห้อง ด้วยความที่โต๊ะในห้องมันไม่ได้โต๊ะเดี่ยว มันเป็นที่นั่ง 6 คนแต่ละโต๊ะ เขาก็เป็นคนที่นั่งตรงข้ามเรา แล้วเราก็ชอบมองหน้าเขา คือตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ก็กลับไปบอกพ่อหนูมีแฟนแล้วนะ (หัวเราะ) แต่เขาไม่รู้นะ แต่เราแค่รู้สึกว่า ถ้าตอนนั้นเราชอบเขาอะ เขาคือแฟนเรา แต่ยังไม่ได้มีอะไรเกินเลยนะคะ แค่ชอบเขาเฉย ๆ ค่ะ”

อาชีพแรกที่อยากจะทำคืออะไร ทำไมอยากทำ?

“ของหนูนะคะ มี 2 อัน ก็คือทหารกับพยาบาล คือชอบในเรื่องของร่างกายด้วย คือตอนนั้นเหมือนอยากใส่เครื่องแบบด้วย อยากเป็นทหาร พยาบาล ตำรวจ อะไรที่มันเป็นเบสิกพวกนี้ คือหนูรู้สึกว่ามันมีเครื่องแบบแล้วมันเท่จังเลย แล้วเราก็เหมือนชอบอะไรลุย ๆ ก็เลยแบบอยากเป็น 3 อาชีพนี้”

ชื่อแรกที่อยากจะใช้คือชื่ออะไร เพราะอะไร?

“จำไม่ได้ แต่มีแบบที่เล่นกับเพื่อนแล้วอยากชื่อ หนูจะชอบผลไม้ค่ะ เช่น เชอร์รี่ หนูรู้สึกว่ามันเพราะมันดูสวยอะ เป็นแบบชื่อเชอร์รี่ (หัวเราะ)”

เป้าหมายที่อยากจะทำที่สุดในปีนี้คืออะไร?

น่าจะอยากมีผลงานอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอัน ที่น่าภาคภูมิใจให้ตัวเองแล้วก็แฟนคลับ เพราะหลังจากที่เราออกมาจากวงไอดอลแล้ว รู้สึกว่าระหว่างนี้เราก็มีงานให้ได้ตามบ้าง แต่ว่ามันยังไม่ได้ผลงานที่แบบเป็นชิ้นเป็นอัน เราก็เลยรู้สึกว่าเวลาเขาไปตามงานเราก็แอบรู้สึกเอ็นดูเขา เหมือนกันว่าแบบทุกวันนี้เราไม่ได้มีให้เขาตื่นเต้น แต่เขาก็ยังคงตามให้กำลังใจเรา หนูก็เลยคิดว่าในภายภาคหน้าหรือในอนาคตก็อยากจะมีอะไรสักอย่าง ให้เขาภาคภูมิใจไปกับเราอีกครั้งนึงค่ะ”

เพลงแรกที่ลองร้องที่ซ้อมบ่อย ๆ คือเพลงไหน เพราะอะไร?

“เพลงนี้เลยค่า เพื่อดาวดวงนั้น ของเดอะสตาร์ เพราะเวลาหนูเข้าคาราโอเกะแทบทุกที่ หนูจะกดเพลงนี้ สมัยก่อนเพลงละ 10 บาท เวลาไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนสมัยมัธยม แล้วเราก็จะต้องหยอดเพลงนี้ เพื่อดาวดวงนั้น แล้วทุกวันนี้ก็ยังเพื่อดาวดวงนั้นอยู่ คือหนูรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ปลุกความฝัน ถึงเราจะไม่ได้เป็นนักร้องก็ตาม แต่ทุกคนมีดวงดาวเป็นของตัวเอง มีเป้าหมายเป็นของตัวเอง”

สุดท้ายฝากถึงแฟน ๆ นิดนึง?

“ก็ขอฝากขอบคุณทุกคนด้วยนะคะ ที่ให้ความรักกันมาถึงทุกวันนี้ และก็ยังดีใจที่ไปไหนก็ยังเจอทุกคนอยู่ หนูขอฝากติดตามผลงานต่าง ๆ หรือมีอะไรก็ฝากซัพพอร์ตหนูด้วยนะคะ  ขอบคุณค่ะ”

ยิ่งได้พูดคุยกับสาวน้ำหนึ่งแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกหลงรักในความสวย น่ารักและเป็นธรรมชาติของเธอมาก ๆ เพราะเธอถือเป็นอีกหนึ่งสาวที่มีทัศนคติที่ดีทั้งต่อการทำงานและแฟน ๆ ของเธอ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแฟน ๆ ถึงหลงรักเธอขนาดนี้ ยังไงก็ฝากติดตามและสนับสนุนสาวน้ำหนึ่งด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่จ้า.

เรื่อง : สมคิด แซ่คู ภาพ : สันติ มฤธนนท์