เผลอนิดเดียว! ครบรอบ 10 ปี พร้อมก้าวขึ้นสู่ปีที่ 11 แล้ว สำหรับ YouTube ประเทศไทย แพลตฟอร์มวิดีโอที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย สนับสนุนชุมชนครีเอเตอร์ และเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลก!!
วันนี้ คอลัมน์ “ชีวิตติด TECH” มีความเคลื่นไหวล่าสุดมาเล่าสู่กันฟัง กับ แพลตฟอร์มที่เรียกได้ว่าครองใจอันดับ 1 ของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง!!
ต้องยอมรับกันว่า YouTube ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์ม (YouTube.co.th) เป็นครั้งแรกในไทยเมื่อปี 57 มาถึงปี 67 นี้ ผลสำรวจจาก Kantar พบว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ที่คนไทยนิยมใช้เพื่อเจาะลึกในสิ่งที่พวกเขาหลงใหล และ 89% ของผู้ชมกลุ่ม GEN Z หรือผู้ที่มีอายุ 18-24 ปี ได้ยกให้ YouTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ชื่นชอบที่สุด และ 88% ของผู้ชมกลุ่ม GEN Z เห็นว่า YouTube มีคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ในการเจาะลึกสิ่งที่พวกเขาสนใจ
ขณะที่ผลสำรวจของ นีลเส็น พบว่า Gen Z นิยมดู YouTube ในช่วงหลังเลิกเรียนหรือหลังเลิกงาน เป็นเวลาต่อเนื่อง นานหลายชั่วโมง Gen Z ในประเทศไทย นิยมฟังเพลงและดูคอนเทนต์บน youtube และ Gen Y ใช้เวลากับ YouTube มากที่สุดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ
และอินฟลูเอนเซอร์ ที่กลุ่ม Gen Z ในประเทศไทย ชื่นชอบ 5 อันดับแรก ล้วนเป็นครีเอเตอร์ใน YouTube และ Gen Y ชอบชมวิดีโอแบบยาวบน YouTube สำหรับคอนเทนต์ส่วนมาก และ YouTube ครองใจผู้ชม Gen Z ในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ในแง่ของการใช้งานและการรับรู้
อย่างไรก็ตามในส่วนของการเติบโตของ YouTube Shorts ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั้น ยอดดู YouTube Shorts โดยเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 130% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ชมที่ login เพื่อดู YouTube Shorts โดยเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ขณะที่พฤติกรรมการชม YouTube Shorts ของคนไทยจากผลสำรวจของ Material พบว่า 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามในไทย ระบุว่า พวกเขารับชมทั้งวิดีโอแบบสั้นและวีดีโอแบบยาว บน youtube และ 80% ระบุว่า YouTube Shorts ช่วยให้พวกเขาเจาะลึกลงไป ในเนื้อหาของคอนเทนต์และหัวข้อเฉพาะที่สนใจ
ปัจจุบัน YouTube คือชุมชนที่แข็งแกร่งเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเชื่อมต่อกันได้ ผ่านความสนใจที่หลากหลาย จากผลสำรวจผู้ชมในประเทศไทยระบุว่า เวลาในการรับชมวิดีโอประเภทหนังสือเสียงบน YouTube ในไตรมาสที่ 2 ของปี 66 เพิ่มขึ้นกว่า 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 65
และเวลาในการรับชมวิดีโอประเภทศิลปะการต่อสู้แบบแบบผสม (Mixed Martial Arts) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 66 เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 65
ที่สำคัญ คือ ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยที่ออกสู่สายตาชาวโลกเวลาในการรับชมคอนเทนต์ของช่อง YouTube ในไทยกว่า 25% มาจากผู้ชมในต่างประเทศ!!
“มุกพิม อนันตชัย” หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทย และเวียดนาม บอกว่า ชุมชน YouTube เติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ศิลปินหน้าใหม่ ไปจนถึงผู้ที่มีชื่อเสียง พวกเขาต่างใช้ YouTube ในการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ และเชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลก
ชุมชน YouTube ของไทย มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันมีช่องที่มีจำนวนผู้ติดตามทะลุ 1 ล้านคนมากกว่า 1,000 ช่อง ซึ่งเมื่อย้อนไปในปี 57 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน มีเพียงแค่ 4 ช่องเท่านั้น และ YouTube ก็ได้ส่งเสริมการเติบโตนี้ ด้วยการมอบช่องทางในการสร้างรายได้ที่หลากหลายแก่ครีเอเตอร์ผ่านโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube (YouTube Partner Program หรือ YPP)
นอกจากนี้ในปี 66 ที่ผ่านมา ทาง YouTube ยังได้ประกาศเพิ่มการสร้างรายได้ใน YouTube Shorts และขยายโปรแกรม พาร์ทเนอร์ YouTube ในไทยให้ครีเอเตอร์มีสิทธิเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้เร็วขึ้น เพื่อเปิดโอกาส ให้ครีเอเตอร์ไทย จำนวนมากขึ้นสามารถเปลี่ยนความหลงใหลของตนให้กลายเป็นรายได้เพื่อเลี้ยงชีพด้วย
ส่วนเทรนด์ของคอนเทนต์ต่อจากนี้ จะเกิด category ใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่หลายๆคนไม่เคยดูมากก่อน เช่น วิดีโอประเภทเกมที่สวมบทบาทสไตล์ญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นกว่า 600% ในปี 66 นอกจากนี้ ไลฟ์ วิดีโอ ก็จะเป็นแนวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ทาง “ศารณีย์ บุญฤทธิ์ธงไชย” Group Marketing Manager – YouTube, South East Asia บอกว่า YouTube จะยังคงเดินหน้ามอบช่องทางใหม่ๆ สำหรับครีเอเตอร์ในการสร้างรายได้และเข้าถึงกลุ่มผู้ชมทั่วโลก โดยมีการนำศักยภาพของ AI ที่เป็นประโยชน์ต่อครีเอเตอร์ ศิลปิน และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเมื่อไม่นานนี้ YouTube ได้ประกาศเปิดให้บริการฟีเจอร์ AI ในเวอร์ชั่นทดลองแก่ครีเอเตอร์บางรายก่อน ที่จะเปิดให้บริการในวงกว้าง ภายในปีนี้
ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ “Dream Screen” ที่ให้ผู้ใช้เพิ่มวิดีโอหรือภาพพื้นหลังลงใน Shorts ได้ง่ายๆ ด้วยการพิมพ์ไอเดียลงในพรอมต์ โดยทาง YouTube จะเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และช่วยปกป้องชุมชน YouTube เช่น ข้อกำหนดล่าสุดที่ระบุให้ครีเอเตอร์ต้องเปิดเผยต่อผู้ชม เมื่อเนื้อหาที่ดูสมจริงถูกสร้างขึ้นโดย Generative AI เป็นต้น
“เอไอ จะช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์วิดีโอที่มีคุณภาพมากขึ้น หากถ่ายภาพออกมามัว หรือเสียงไม่ชัด จะมีระบบเอไอหลังบ้านที่ช่วย โดยที่ไม่ต้องมีเครื่องมือราคาแพง หรือใช้เวลาในการทำนาน ที่ช่วยให้วิดีโอมีคุณภาพมากขึ้น และเอไอจะช่วยปลดล็อกในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ด้วยฟีเจอร์ Dream Screen ช่วยเพิ่มภาพพื้นหลัง หรือจะเป็น Dream Track ที่อยากได้เพลงแบบไหน หรือเสียงเหมือนใคร ก็จะสร้างเพลงใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็น Soundtrack ให้กับวิดีโอได้ สิ่งเหล่านี้หวังว่าจะช่วยครีเอเตอร์ในการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น”
สุดท้ายแล้ว ผู้บริหารของ YouTube ยืนยันว่า การก้าวขึ้นสู่ปี 11 จะเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสนับสนุนครีเอเตอร์ การส่งเสริมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ อย่างมีความรับผิดชอบ และการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ปลอดภัยและตอบโจทย์ความต้องการของทุกคน!?!
Cyber Daily