นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ปรับเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสูดและเข้มงวด เป็นช่วงเวลา 22.00-04.00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 1-15 ต.ค.64 ขบ. จึงออกคำสั่งกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ขยายการบังคับใช้และปรับมาตรการการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ และการขนส่งสินค้า โดยให้คงมาตรการบังคับใช้มาตรการการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ และการขนส่งสินค้าต่อไป จนถึงวันที่ 15 ต.ค.64 การให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังคงจัดบริการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะให้สอดคล้องกับข้อกำหนด โดยงดให้บริการตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. และจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนที่นั่งและที่ยืน
รวมทั้งจัดเว้นระยะห่างและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ส่วนการให้บริการของรถโดยสารประจำทางในเส้นทางหมวด 1 หมวด 4 และรถโดยสารไม่ประจำทาง ในพื้นที่ควบคุมสูงสูดและเข้มงวดทุกจังหวัด ให้เป็นไปตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด สำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ให้งดการขนส่งสินค้าในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทุกจังหวัด เวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น จนถึงวันที่ 15 ต.ค.64
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า เว้นแต่บุคคลที่มีความจำเป็นในการขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุภัณฑ์สิ่งพิมพ์ หรือสินค้าเพื่อการส่งออกหรือนำเข้า โดยจัดเตรียมใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวพนักงานหรือหนังสือรับรองการทำงาน และเอกสารรับรองความจำเป็นเกี่ยวกับสินค้า และการเดินทางของผู้ขนส่งสินค้าเพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน
การให้บริการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ผู้ประกอบการยังคงต้องดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่รับผู้โดยสารรายใหม่เพิ่ม หากภายในรถมีผู้โดยสารครบตามจำนวนที่กำหนด ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต้องมีการระบายอากาศภายในรถโดยสารปรับอากาศ รถตู้โดยสารปรับอากาศ และมีการแวะพักทุก 2-3 ชม. เพื่อระบายอากาศภายในรถ และทำความสะอาดภายในตัวรถและพื้นผิวสัมผัสภายในรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ