เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี กทม.นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กนอกโรงพยาบาล โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ในเดือน พ.ย.นี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้กำหนดให้มีระยะเวลาดำเนินงาน 2 ระยะ คือ ระยะแรก สำหรับโรงเรียนพักนอน ซึ่งดำเนินการตามโครงการ Sandbox: Safety zone in School มาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2564 และระยะที่สอง สำหรับโรงเรียนประเภทไป-กลับ ที่มีความพร้อมและผ่านเกณฑ์การประะเมิน ซึ่งการจะเปิดโรงเรียนได้ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินหลายด้าน เช่น ด้านกายภาพ ด้านการมีส่วนร่วม ด้านการประเมินความพร้อมสู่การปฏิบัติ สำหรับสถานศึกษา ครู-บุคลากรต้องฉีดวัคซีนครบโด๊สไม่น้อยกว่า 85% ในขณะที่นักเรียน-ผู้ปกครอง ควรได้รับวัคซีนตามมาตรการที่ ศธ.และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งนี้ ในระหว่างการเปิดภาคเรียนไปแล้ว ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และสามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite หรือ Online หรือแบบผสมผสานทั้งประจำและไปกลับก็ได้ หรือการสลับวันมาเรียน โดยแต่ละห้องเรียนไม่เกิน 25 คน เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ทั้งนี้เมื่อนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปีได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครอบคลุมหมดแล้วก็ถือว่ามีความมั่นใจทางด้านสุขภาพระดับที่จะลดการแพร่เชื่อ ซึ่งเบื้องต้นเท่าที่รับรายงานมีนักเรียนแจ้งรายชื่อขอฉีดวัคซีนเพิ่มอีกกว่า 1 แสนราย โดยมีนักเรียนทั้งหมด 5,048,081 คน และเดิมประสงค์แจ้งฉีดวัคซีน จำนวน 3,618,166 คน  ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาอีก 80% อย่างไรก็ตามการเปิดภาคเรียน ศธ.และ สธ.ได้จัดเตรียมแผนเชิญเหตุไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับรายงานนักเรียนแจ้งขอฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีกรณีที่นักเรียนไม่ได้แจ้งรายชื่อขอฉีดวัคซีนแต่วอคอินเข้ามาในโรงเรียน โดยทางโรงเรียนและสาธารณสุขจังหวัดได้บริการจัดฉีดวัคซีนให้ เพราะเจตนารมณ์เราต้องการให้เด็กได้รับวัคซีนครบทุกอยู่แล้ว นอกจากนี้จะ สพฐ.จะสำรวจการฉีดวัคซีนของนักเรียนรอบสองอีกครั้งว่ายังมีนักเรียนคนไหนตกหล่นอีกหรือไม่ โดยรอบสองจะบริการให้นักเรียนไปฉีดที่โรงพยาบาลในพื้นที่ที่อาศัยอยู่แทน อย่างไรก็ตามหลัง ศธ.ดีเดย์ฉีดวัคซีนไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ทั่วประเทศ ยังไม่ได้รับข้อมูลนักเรียนมีอาการข้างเคียงที่หนักจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด

ขณะที่ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า ศธ.จะประสานกับกรมการแพทย์ของ สธ.จับคู่โรงเรียนและโรงพยาบาลในพื้นที่ กทม.ในการเพิ่มหน่วยบริการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน เพื่อดำเนินการให้เสร็จทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 เดือน พ.ย.นี้ ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาจะสำรวจว่ามีครูและบุคลากรทางการศึกษาเหลืออยู่จำนวนเท่าไหร่ที่ยังได้รับวัคซีน โดยจะแบ่งเป็น ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย ได้รับวัคซีนเข็มแรก และได้รับวัคซีนครบสองเข็มรอบูสเตอร์เข็มสาม เพื่อระดมให้ครูได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง และเปิดเรียนได้อย่างปลอดภัย