เมื่อวันที่ 27 พ.ค. เวลา 18.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ) โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่อง และทุกเรื่องที่มีการเสนอเข้ามาหารือในที่ประชุมจะต้องมีการรายงานความคืบหน้าทุก 2 สัปดาห์ และมาตรการใดที่เห็นชอบก็จะเสนอที่ประชุมครม. พิจารณาต่อไป 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงกรอบเงินเฟ้อว่ายังจำเป็นอยู่หรือไม่ หากยังจำเป็นอยู่จะกำหนดกรอบเงินเฟ้อที่เท่าใด จากปัจจุบันอยู่ที่ 1-3% และจะสามารถลดดอกเบี้ยนโยบายให้มาอยู่ในกรอบได้หรือไม่ แต่หากไม่มีความจำเป็นต้องมีกรอบเงินเฟ้อจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปหารือร่วมกัน รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนรัฐวิสาหกิจเพื่อให้งบประมาณลงสู่ระบบเศรษฐกิจ

พร้อมมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือโลวซีซั่น อาทิ การส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง ดึงนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมาท่องเที่ยวในไทย

ส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีภาพในวันนี้คือเราเห็นการหดตัวของสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยให้กับเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง ขณะที่รายใหญ่ได้รับสินเชื่ออย่างสบาย เพราะฉะนั้นมาตรการที่มีการพูดคุยกันและผู้ว่าการ ธปท.ได้เสนอและเห็นตรงกับมาตรการของกระทรวงการคลังคือมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หรือออกมาตรการพีจีเอสรอบที่ 11  

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจว่าการประชุมครั้งนี้นายกรัฐมนตรีเชิญรัฐมนตรีและหน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องมาร่วม แต่ไม่ได้ตั้งเป็นคณะกรรมการแบบคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังได้เสนอให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสศช. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นเลขาของคณะทำงาน

ทั้งนี้นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังเสนอว่าระหว่างรอมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ควรคิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีเพิ่ม โดยแต่ละกระทรวงต้องรับไปและนำมาหารืออีกครั้ง