สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันอังคาร ว่าได้มีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันบริเวณช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเขากล่าวกับผู้นำจีน ว่ารัฐบาลวอชิงตันยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักการจีนเดียว ขณะที่อีกฝ่ายยืนยันเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเผยแพร่แถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง เรียกร้องจีนยุติการเคลื่อนไหวทางทหารที่เป็นการข่มขู่คุกคามต่อไต้หวัน เนื่องจากจะส่งผลต่อความมั่นคงและเสถียรภาพข้ามขช่องแคบ หลังนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันชาติจีน อากาศยานทางทหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) ละเมิดเขตพิสูจน์ฝ่ายป้องกันภัยทางอากาศ ( เอดีไอแซด ) ของไต้หวัน รวมกันอย่างน้อย 148 ลำ จากจำนวนดังกล่าวเป็นการส่งเครื่องบินชุดใหญ่มากถึง 56 ลำ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มากที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลไทเปเริ่มรวบรวมข้อมูลการผ่านน่านฟ้าของเครื่องบินจากพีแอลเอ เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง พล.อ.ชิว กั๋ว-เจิ้ง รมว.กลาโหมของไต้หวัน กล่าวถึงบรรยากาศของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบในเวลานี้ ว่าจีนมีศักยภาพและความพร้อม "ที่จะโจมตีทางทหารอย่างเต็มรูปแบบ" ต่อไต้หวัน ภายในปี 2568
ทั้งนี้ รัฐบาลในกรุงปักกิ่งย้ำมาตลอด ว่าหลักการจีนเดียว "เป็นเส้นตายที่ข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด" และทุกประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน "ไม่มีโอกาสของการเจรจา" และเตือนรัฐบาลไบเดนไม่ควรเดินบน "เส้นทางอันตราย" ด้วยการ "ล้ำเส้นและเล่นกับไฟ" ตามแบบรัฐบาลวอชิงตันชุดที่แล้วของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2548 ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ( เอ็นพีซี ) ในสมัยของประธานาธิบดีหู จิ่นเทา บัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับ "การแบ่งแยกดินแดน" มีใจความสำคัญคือ รัฐบาลปักกิ่งสามารถใช้ "มาตรการที่ไม่สันติ" หากเกิดกรณี "การประกาศเอกราชฝ่ายเดียว" จากไต้หวัน.

เครดิตภาพ : AP