เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม  โดย 2 ส.ส.สมุทรปราการ ได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่อง  ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล พื้นที่กิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ  โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มอบหมายให้นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้แทน

โดยนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า กรณีการระเบิดของโรงงานหมิงตี้เคมีคอลก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและทรัพย์สิน ทำให้อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยเสียชีวิต 1 ราย และประชาชนต้องอพยพออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก กระทรวงมหาดไทยในฐานะกับดูแลหน่วยงานที่มีส่วนสำคัญในการระงับเหตุนั้น ขอให้กระทรวงมหาดไทยสรุปสาเหตุและผลการปฏิบัติงานระงับเหตุดังกล่าว และขอทราบว่ากระทรวงมหาดไทยมีการเตรียมการปฏิบัติการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยอย่างไรเช่นกรณี้ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตนยอมรับว่าไม่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุทันทีทันใด เพราะวันนั้นแอดมิทรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เนื่องจากร่างกายไม่ดีมาก แต่หลังจากนั้นตนได้ลงพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ จึงถามว่ากระทรวงจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต้องเกิดทุกพื้นที่กับทุกโรงงาน

“ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ปล่อยให้ใครลำบากอยู่ข้างหลัง เราโดนโจมตีตลอด มีเฟคนิวส์ตลอด ไปสร้างภาพนิดหน่อยบอกช่วยเหลือประชาชน ไปทำท่าทำทางพูดใส่หูประชาชนด่ารัฐบาลอย่างเดียว ถ้าผมเป็นนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงทนไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นอยู่ความจริงคือความจริง ข้าราชการท้องถิ่นสมุทรปราการทุกคนรักกัน เกิดเหตุอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ดูแลทั้งหมด ผมไปกับรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคตลอดทุกเหตุการณ์เพื่อช่วยกัน ยืนยันสมุทรปราการไม่มีแบ่งพรรคแบ่งพวกแน่นอน มีแต่ประชาชนเป็นหลักและเป็นที่ตั้ง เพราะผู้ใหญ่ในพรรคบอกว่าห้ามแตกแยกห้ามขัดแย้งเด็ดขาดเป็นสิ่งที่เราต้องปฏิบัติ รัฐบาลมีแนวทางเยียวยาประชาชนจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร เพื่อให้เร็วที่สุด หากกระทรวงหมาดไทยทำไม่ได้ ผมระดมทุนเอง อย่ายืดเยื้อ รัฐบาลก็อยู่อีกไม่กี่เดือนกี่ปีก็จะยุบสภาแล้ว เมื่อยุบสภาฯ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว  ถ้าทำไม่ได้บอกผม ผมระดมทุนเองเพราะไทยมีคนใจบุญเยอะ รวมถึงปัญหาเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการเงินเดือนน้อย ชุดและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยไม่มีความทันสมัย และจะเชิดชูผู้ที่เสียสละชีวิตครั้งนี้อย่างไร” นายกรุงศรีวิไล กล่าว

นอกจากนี้นายกรุงศรีวิไล ยังกล่าวชื่นชมที่นายนิพนธ์มาตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาครั้งนี้ พร้อมทั้งอวยพรให้เป็น รมว.มหาดไทย

ขณะที่นายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลขาดระบบวางแผนที่ดีในการแจ้งเตือนผู้อพยพเมื่อเกิดวิกฤติ ตนได้รับฟังความเดือดร้อนของประชาชน แต่ไม่รู้จะหาคำตอบจากหน่วยงานใด และไม่มีหน่วยงานใดให้คำตอบชัดเจนจึงอยากถาม รมว.มหาดไทยว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายประชาชนจำนวนมาก รัฐบาลจะชดเชยความเสียหายกับประชาชนให้เป็นธรรมอย่างไร หรือปล่อยให้ประชาชนไปฟ้องร้องกันเองตามยถากรรม ซึ่งวงเงินประกันของบริษัทถือว่าน้อยมากับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องสารปนเปื้อนที่เกิดขึ้นจากการระเบิดประชาชนจะมีความปลอดภัยเรื่องน้ำและสารตกค้างอย่างไร

ด้านนายนิพนธ์ รมช.มหาดไทย  กล่าวชี้แจงว่า โรงงานนี้เป็นโรงงานของชาววจีนไต้หวัน ตั้งขึ้นปี 2532 ข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากเคมีรั่วไหลจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรงส่งผลเกิดเพลิงลุกไหม้โดยมีสารเคมีหลายชนิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 44 รายและเสียชีวิต 1 ราย รวมถึงทรัพย์สินบ้านเรือนประชาชนเสียหายจำนวนมาก กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานสนับสนุนการปฏิบัติงานของ จ.สมุทรปราการ ตามแผนงาน โดยได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ขึ้น มีผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์บริหารงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด รวมถึงองค์กรปกครองท้องถิ่นได้ประสานงานกันตั้งแต่เกิดเหตุ รวมทั้งมูลนิธิต่างๆ ยังเข้ามาช่วยเหลือประมาณ 1,000 คน และประกาศเป็นเขตช่วยเหลือภัยพิบัติ 1 อำเภอ เพื่อใช้อำนาจผู้ว่าฯ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าและจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนขึ้น โดยยังมีผู้อพยพอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนประมาณ 259 คน ใน 4 จุด ซึ่งปัจจุบันยังมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ตลอดอย่างใกล้ชิด และล่าสุดได้รับรายงานว่ามีความปลอดภัย สามารถควบคุมพื้นที่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีแนวทางช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับศพผู้เสียชีวิตในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ อีกทั้ง จ.สมุทรปราการ ได้สำรวจความเสียหายของประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยแยกเป็นเงินสดให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ค่าซ่อมแซมบ้านเรือน ค่าดำรงชีพเบื้องต้น ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บสาหัสพิการไม่สามารถประกอบอาซีพได้ ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพต่างๆ รวมถึงยังมีเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย นอกจากนี้ทางบริษัทเองยังมีประกันภัยบุคคลภายนอกไว้ด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลจะดูแลใกล้ชิดต่อไป ส่วนชุดและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยต่างๆ ต้องปรับปรุงให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ กระทรวงมหาดไทยจะถอดบทเรียนครั้งนี้เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัยที่สุด

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องสิ่งแวดล้อมจากการตรวจสอบมลพิษพื้นที่ไม่เกิน 8 กม.โดยรอบ พบว่ามีค่าสารเผาไหม้จากอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เกินมาตรฐานที่บุคคลจะรับได้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนน้ำนั้นไม่พบว่ามีการปนเปื้อนที่อันตรายต่อสุขภาพ แต่ควรงดใช้น้ำคลองเพื่ออุปโภคบริโภคในช่วงนี้ชั่วคราว จากข้อมูลประชาชนโดยรอบสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ยังกันประชาชนในรัศมี 1 กม.ยังไม่ให้กลับเข้าพื้นที่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการระเบิดซ้ำหรือมีเพลิงลุกไหม้อีก คาดการณ์ว่าในวันที่ 8 ก.ค.นี้ จะเคลื่อนย้ายสารเคมีในโรงงานไปกำจัดที่บริษัท อัคคีปราการ จำกัด จ.สมุทรปราการ ที่มีภารกิจกำจัดสารเคมี ทั้งนี้ขอให้ประชาชนสบายใจ เพราะมีรถที่มีระบบการควบคุมสารอย่างดีที่สุด และคาดว่าจะกำจัดได้หมดภายใน 2-3 วัน.