สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ทำเนียบเครมลิน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยผู้เข้าร่วมการประชุมรวมถึงนายอังเดร เบลูซอฟ รมว.กลาโหม พล.อ.เซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พล.อ.วาเลอรี เกราซิมอฟ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่ากองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่องจากทุกทิศทาง โดยเฉพาะทางตะวันออกเฉียงเหนือและทางใต้
ในเวลาเดียวกัน กองทัพยูเครนถอนทหารออกจากเมืองวอฟชันสก์ และเมืองลุคยันต์ซี ในภูมิภาคคาร์คิฟ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อปกป้องชีวิตของกำลังพล และลดความสูญเสียไม่ให้อยู่ในระดับรุนแรง
ทั้งนี้ เมืองทั้งสองแห่งซึ่งตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 30 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับชายแดนฝั่งตะวันออกของยูเครน ซึ่งติดกับภาคตะวันตกของรัสเซีย กำลังเป็นเป้าหมายของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดิน “แบบเหนือความคาดหมาย” ในภูมิภาคคาร์คิฟ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านสำนักงานคณะเสนาธิการทหารยูเครนออกแถลงการณ์ ยอมรับว่า ทหารในภูมิภาคคาร์คิฟ “เผชิญกับความยากลำบาก” ในการสู้รบ และกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อต้านทานไม่ให้กองทัพรัสเซียฝ่าแนวกันชนไปได้ โดยมีการเสริมกำลังทหารในเมืองแห่งอื่นของภูมิภาค
ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนออกแถลงการณ์ ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยกเลิกกำหนดการเยือนสเปนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเดิมทีต้องเกิดขึ้นในวันที่ 17 พ.ค. เนื่องจากสถานการณ์ในภูมิภาคคาร์คิฟ และมีแนวโน้มยกเลิกแผนการเยือนต่างประเทศทั้งหมดในระยะนี้ด้วย
อนึ่ง นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เพิ่งเยือนกรุงเคียฟ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเยือนยูเครนครั้งที่ 4 ของบลิงเคน ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตันเน้นย้ำ “ความช่วยเหลือรอบใหม่กำลังจะมาถึง ภายในอนาคตอันใกล้นี้” และเชื่อมั่นว่า “จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ” ให้เกิดขึ้นกับยูเครน.
เครดิตภาพ : AFP