เพราะ“นายปานปรีย์ พหิทธานุกร” ยื่นหนังสือขอลาออกทันทีหลังมีพระราชกฤษฎีกาโปรดเกล้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)ลงมาเพียงไม่กี่อัดใจ ถึง“นายกฯเศรษฐา” ใจความระบุว่า “ตามที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีบางตำแหน่ง และปรากฏว่าผมยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่เพียงตำแหน่งเดียวนั้น ผมมีความประสงค์จะขอลาออกจากตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ และทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2567 เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน”
ถือเป็นจุดตั้งต้นทันทีที่เห็นได้ชัด คือ การปรับครม.ครั้งนี้ที่มีตอผุดให้เห็นถึงไฟสุมขอน โดยมีนายใหญ่บ้านจันทร์สองหล้า ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บัญชาการ โยนติ้วกำหนดทิศทางหน้าตา “ครม.เศรษฐา” ใหม่แบบเบ็ดเสร็จ
แต่จากผลการปรับครม.เศรษฐา1/1 ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมหลายริกเตอร์ มีการขบเหลี่ยมปีนเกลียวจน “ปานปีรีย์” ต้องยื่นหนังสือลาออก นำสู่การปรับครม.เศรษฐา 1/2 ภายใน1สัปดาห์ โดยต้องดึง “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” อดีตนักการทูต เข้ามาเสียบเป็นรมว.ต่างประเทศ
การปรับเปลี่ยนแบบตั้งรับโดยเร็วแม้แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย ยังมีบุคลากรพร้อมทำงาน แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนได้ว่าการปรับครม.ครั้งนี้ไม่ได้ยึดค่า KPI ตามที่ “นายกเศรษฐา” ระบุไว้ แต่กลับทำให้เห็นว่า เป็นการปรับแบบยึดเด็กเส้น
ถึงแม้นว่า “ปานปรีย์”จะเป็นเด็กเส้นใหญ่ แต่ถ้าไม่เป็นที่พึงพอใจ เบื่อเมื่อไหร่ก็จะใช้แล้วทิ้ง เช่นเดียวกับที่ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เจ้าตัวถึงกับโอดโอยเพราะถูกคาดโทษจาก “นายกเศรษฐา” ข้อหาคุมข้าราชการไม่อยู่
ทั้งที่ผ่านมา“หมอชลน่าน” พลีชีพเอาอนาคตการเมืองของตัวเองมาแลก กับการจัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร ถึงขนาดเจ้าตัวเคยบอกว่า เมื่อตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ โดนรุมเหยียบหน้ากลางถนนทุกวัน จากการสะบัดสัตย์ถีบหัวส่งพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วหันมาจับมือกับพวกลุงๆ
นอกจากนี้ยังเกิดปมร้อนกับการตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ทนายความประจำตระกูลชินวัตร ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลายเป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้าเจอวิบากกรรมจากคดีถุงขนม จนหลายฝ่ายต้องยื่นร้องต่อองค์กรอิสระให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ขณะที่เจ้าตัวยืนยันชัดว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนพร้อมชี้แจงตามกระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกันการปรับครม.ครั้งนี้ยังสั่นสะเทือนไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล เห็นได้จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมายอมรับว่า ได้ส่งชื่อ นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร นั่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่สุดท้ายเกมพลิกหวยไปออกที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร หนุ่มจบนอกปาดหน้าขึ้นนั่งรมช.เกษตรฯ ซึ่งเป็นชื่อที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้สนับสนุนอยู่ นาทีนี้คงไม่ต้องถามว่า รู้ไหมใครใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ
อย่างไรก็ตามเมื่อปรับครม.กันเสร็จแล้ว สิ่งที่“รัฐบาลเศรษฐา” เร่งดำเนินการคือการร่วมกันเดินหน้าต่อไปแก้ไขปัญหาวาระร้อนที่รออยู่ตรงหน้าเวลานี้ เห็นจะเป็นเรื่องการเร่งจัดการขนกากแคดเมียม ที่เริ่มส่งผลกระทบในวงกว้างแล้ว เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชน คือ ได้มีการตรวจพบสารป่นเปื้อนจากแคดเมียม ในพืชผัก ผลไม้ จังหวัดสมุทรสาคร เพราะฉะนั้นต้องเร่งวางแผนดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ล่าสุดอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม “ณัฐพล รังสิตพล” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาและขนย้ายกากแคดเมียม ได้ยื่นไขก๊อกประกาศลาออกกลางที่ประชุมกมธ.หลังถูกกดดันหนักสารพันปัญหารุมเร้าทั้งไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง รวมถึงการลักลอบขนย้ายกากแร่ตะกอนแคดเมียมจาก จ.ตาก เจ้าตัวลงพื้นที่ล่าช้าจนถูกนายกฯตำหนิ หนำซ้ำมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำสองโกดังเก็บสารเคมีเจ้าเดิมที่ภาชีเคยเกิดไฟไหม้รอบแรกไปแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน
อีกทั้งเรื่องการผลักดันนโยบายเรือธงต่างๆ ให้ออกมาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอล์เล็ต 1 หมื่นบาท ที่ยังถูกขวางจากผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยให้จ่ายเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ขณะที่ค่าแรง 400 บาท ก็ยังส่งผลกระทบเป็นตัวเร่งให้ข้าวของแพงขึ้นก่อนค่าแรง
สิ่งเหล่นี้รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าผลัดดันให้เกิดเป็นรูปธรรมเกิดมักเกิดผลส่งความสุขให้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว
แต่อะไรๆก็ยังไปไม่ถึงไหน ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชวนสส.พรรคไปร่วมงานวันแรงงงาน พร้อมจี้รัฐบาลให้มีคำตอบที่ชัดเจนแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน หลังจากรอคอยมาหลายเดือน ทั้งเรื่องสวัสดิการแรงงานและการปรับขึ้นค่าแรง แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนมีแต่ความไม่ชัดเจน เช่น ถ้ามีการขึ้นค่าแรงจริงๆ จะขึ้น 400 บาทก็ควรให้เหมือนกันหมด ไม่ควรมีดอกจันเงื่อนไข
เพราะต้องยอมรับว่าการขึ้นค่าแรงเพียงบางส่วนบางพื้นที่ตามที่ออกมาทำให้พี่น้องแรงงานผิดหวัง เรื่องนี้ถือเป็นความกล้าหาญของรัฐบาลด้วย ที่ผ่านมาค่าครองชีพขึ้นเร็วมาก แต่ค่าแรงไม่ปรับตาม ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและเศรษฐกิจภาพรวมของ อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลเตรียมดันสิทธิลาคลอด 180 วันให้กับแรงงาน
งานนี้พรรคเพื่อไทยไม่รอช้าตีปี๊บกลบความร้อน จัดแคมเปญ ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ โชว์วิสัยทัศน์ “รัฐบาลเศรษฐา” ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เริ่มบริหารราชการแผ่นดิน จากวันที่ 1 ก.ย. 2566 จนถึงวันนี้ 9 เดือนและกำลังเดินหน้าสู่เดือนที่ 10 ที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลความสำเร็จกำลังจะทยอยออกดอกผล ขณะที่เส้นทางเดินของพรรคเพื่อไทยเต็มไปด้วยความวิบาก
สนามการเมืองร้อนแรงไม่หยุด แต่ นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า“ทักษิณ” ดูเหมือนจะชิล ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยภารกิจส่วนตัว ระหว่าง วันที่ 29 เม.ย.- 2 พ.ค.หลังจากไม่ได้มาเยือนกว่า 17 ปี ทั้งนี้ได้มีโอกาส เยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงเก่าๆ และนักธุรกิจเก่าๆ ที่รู้จัก นอกจากนี้ยังไปเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ สำรวจย่านธุรกิจ แถมยังไปดูเรื่องปัญหาจราจรติดขัด และน้ำประปาขาดแคลน โดยมี “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อม ลูกชาย “พสุ ลิปตพัลลภ” (ไฮโซหลวง) และ “โสภณ สุวรรณรัตน์” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับ และเตรียมทัวร์อีสาน เยือนโคราช ปลายเดือนนี้
ขณะที่ “นายกฯเศรษฐา” ก็มีแผนทัวร์นกขมิ้น ลงพื้นที่ต่างจังหวัดแบบค่ำไหนนอนนั้น ไทม์ไลน์วางไว้ วันที่ 5- 6 พ.ค. นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.มหาสารคาม โดยจะขอค้างแรม1 คืน วันที่ 10 พ.ค. จ.สุพรรณบุรี วันที่ 11 พ.ค. จ.กาญจนบุรี นอนค้าง วันที่ 12 พ.ค. จ.ราชบุรี นอนค้าง วันที่ 13 พ.ค. จ.เพชรบุรี นอนค้าง วันที่ 14 พ.ค. ครม.สัญจร จ.เพชรบุรี
ขณะสนามเลือกสมาชิกวุฒิสภายังไม่เปิดรับสมัคร แต่กลับเดือดขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่พรรคก้าวไกลเดินสายปลุกด้อมส้มทั้งประเทศให้ลงสมัครสว.กันเยอะๆ เพื่อป้องกันการฮั้วจากบ้านใหญ่ แต่เจอกกต.กางระเบียบเตือนให้ระวังหยุดพฤติกรรม ชวนคนสมัครสว.หรือกรอกคุณสมบัติ-จุดยืน นำไปเผยแพร่ออนไลน์เสี่ยงผิดกฎหมาย
กลับเจอ“พนัส ทัศนียานนท์”อดีตอัยการและอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา(สว.) พร้อมคณะ ออกมาร้องศาลปกครองขอให้เพิกถอนระเบียบกกต.ว่าการได้แนะนำตัวของสว.เพราะถูกจำกัดสิทธิ์ผู้สมัครมากเกินไป
ตอนนี้หลายคนพุ่งเป้ามาที่กกต.ในฐานะผู้คุมกติกา การทำหน้าที่ถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ เรื่องนี้กกต.ต้องตั้งหลักและยึดหลักการข้อกฎหมายให้แม่นๆ ควรชี้แจงให้ละเอียดชัดเจน ระมัดระวังการเล่นนอกกติกา และหากถูกโยงลากเข้ามาเป็นผู้ขัดแย้ง ถ้าถึงจุดนั้นสนามเลือกสว.คงเละเป็นโจ๊ก เพราะคงไม่มีใครเชื่อผู้คุมกติกา.