สิ้นสุดการรอคอยสำหรับคอหนังแอ๊คชั่นที่รอชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ระดับบล็อกบัสเตอร์จากค่าย “วอร์เนอร์บราเธอส์” เรื่อง “The Ministry of Ungentlemanly Warfare” หรือ “แสบจารชนคนพลิกโลก” สุดยอดภาพยนตร์แนวสงครามที่สร้างจากวีรกรรมจริงของเหล่าหน่วยลับในยุทธการ “โพสต์มาสเตอร์” หรือภารกิจบุกทำลาย “นาซี” แบบไร้ความช่วยเหลือจากทางการ ที่ก่อตั้งโดย “วินสตัน เชอร์ชิล” หรือ “เซอร์ วินสตัน เลนเนิร์ด สเปนเซอร์ เชอร์ชิล” นายกรัฐมนตรีอังกฤษช่วงปี ค.ศ. 1940 ถึง ค.ศ. 1945 (สงครามโลกครั้งที่ 2) โดยมีดาราแม่เหล็กอย่าง

“เฮนรี คาวิลล์” ซูเปอร์แมนสุดหล่อจาก Man of Steel (2013) ที่กลับมาพลิกคาแร็กเตอร์ผู้นำการรบมาดสุขุม “กัส มาร์ช-ฟิลลิปส์” พร้อมผู้ช่วยสุดแข็งแกร่งอย่าง “แอนเดอร์ส ลาสเซน” (รับโดย อลัน ริตซ์สัน ผลงาน Reacher 2022) เจ้าของฉายา “ขุนค้อนเดนิช” มือสังหารสุดแกร่งที่ใช่ธนูยิงกองทัพนาซีราวกับล่าสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมี “เฟรดดี้ อัลวาเรซ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ระเบิด (รับบทโดย เฮนรี โกลดิง ผลงาน Crazy Rich Asians 2018) และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เอซา กอนซาเลซ” นักแสดงสาวสุดฮอตจาก “Baby Driver” (2017), “Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw” (2019) และ “Godzilla vs Kong” (2021) มารับบทเป็นผู้กอง “มาร์จอรี สจ๊วต” ทหารหญิงเพียงหนึ่งเดียวของทีมจารชน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “วินสตัน เชอร์ชิล” นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องหาทางรับมือกับกองทัพนาซีที่เข้ามารุกรานประเทศแบบลับ ๆ เนื่องจากอักฤษขณะนั้นยังไม่มีกองทัพฝ่ายอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ แถมเหล่าผู้นำทางทหารยังไปให้ความร่วมมือกับนาซี ทางเดียวที่ทำได้ก็คือ ต้องหามือดีไปทำลายเรือเสบียงและหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ ของนาซี เพื่อให้กองทัพสหรัฐเข้ามาในน่านน้ำอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มมือดีต้องปฏิบัติการภายใต้เงื่อนไข สังหารนาซีเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าถูกจับคือตายสถานเดียว ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ให้ทางการอังกฤษจับกุมตัวด้วย…

โดยทีมจารชนที่ต้องรับหน้าที่นี้ก็คือ ผู้พัน “กัส มาร์ช-ฟิลลิปส์” พร้อมพลพรรคสุดแข็งแกร่ง แต่ทว่าเรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะฝ่ายนาซี ก็มีผู้นำยุทธการอย่าง “ฮินริค ลันช์” (รับบทโดย ทิล ชไวเกอร์) ที่ฉลาดและเฉียบคม ไม่เคยไว้ใจใครและเกลียด “ชาวยิว” เข้าไส้ ทางเดียวที่จะพิชิตเขาได้ก็คือการส่ง ผู้กองสาวสุดสวย “มาร์จอรี สจ๊วต” เข้าไปสืบหาข่าวพร้อมกับผู้ช่วยผิวสีสายซัพพอร์ตอย่าง “เฮรอน” (รับบทโดย บาบส์ โอลูซันโมกุน) เรื่องราวการพิชิตนาซีแบบลับ ๆ จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

จุดแข็ง นอกเหนือจากเป็นการระดมทีมดาราแม่เหล็กแล้ว ผู้กำกับชื่อดัง “กาย ริชชี่” ยังคงใส่ความเป็นแอ๊คชั่นมาเฟียแก๊งสเตอร์ไว้อย่างเด็ดดวง การวางโครงเรื่องพร้อมแบ่งน้ำหนักบทให้ตัวละครทุกตัวมีความสำคัญ ขโมยแย่งซีนกันได้ตลอดเวลา งานโชว์สตั้นก็ไม่ได้ให้ “พระเอก” แบกบทเก่งอยู่คนเดียว บทผู้ช่วยพระเอกล้วนทำงานกันเป็นทีม การรบแบบมีแบบแผนตามสถานการณ์จริง ถือว่าเป็นการเคารพรูปแบบของเรื่องราวจากต้นฉบับเป๊ะ ๆ ในส่วนของงานโปรดักส์ก็สมกับการรอคอย ระดับ “วอร์เนอร์บราเธอส์” โชว์งานยิ่งใหญ่อลังการ ลงทุนยกกองถ่ายไปที่ทะเลแถบประเทศตุรกี เซ็ตฉากรบจริง ระเบิดสิ่งก่อสร้างทิ้งจริง ๆ การใข้ CGI มีน้อยมาก

จุดอ่อน แม้จะเดือดดุและโหดเลือดสาดขนาดไหน แต่ถ้าผู้ร้ายไม่เก่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาสมุนกีกี้มาฆ่าโชว์ ซึ่งพาร์ทแอ๊คชั่นในเรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแอ๊คชั่นเรื่องอื่น ๆ ฉากเดือดมีความเดือดจริง แต่พอฉากลอบฆ่ากลับใส่อารมณ์ตลกร้ายตีเนียนชวนให้คนดูหัวเราะตามสไตล์ของ “กาย ริชชี่” ดังนั้น บางทีคนที่ไม่เก็ตมุกตลก ก็อาจจะงง ๆ และไม่ขำ ไม่อินกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อ…

4/5 สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในช่วงกลางปี 2024 ที่ทำออกมาได้เดือดดุดิบ ไปพร้อม ๆ กับตลกร้าย ใส่ความเป็นแก๊งสเตอร์ ไว้ครบครัน มีฉากโหดอยู่มากมาย หากคุณหนูๆ เข้าไปดู ควรมีผู้ปกครองประกบ

———————————————

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก “วอร์เนอร์บราเธอส์”