ปีนี้นับเป็นปีทองของตลาด “ทองคำ” เพราะราคาปรับขึ้นมาแบบสูงชะลูดจนน่าตกใจมาก และคนปกติธรรมดา อาจจะต้องใช้เวลาในการเก็บเงินนานขึ้นหน่อยหากจะซื้อ เพราะเดี๋ยวนี้ต้องกำเงินไปกว่า 42,000 บาทแล้ว กว่าจะได้ทองคำ 1 บาท 

แล้วทราบกันหรือไม่ว่า “ทองคำ” มีหลายประเภท และยังสามารถซื้อขายกันได้ในตลาดอีกด้วย

ประเภททองคำ

ทองขาว ทองคำขาว หรือ White Gold

มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Platinum มีความบริสุทธิ์เป็นหน่วยกะรัต เป็นโลหะเจือของทองคำและโลหะขาวอื่นๆ เช่น แพลเลเดียมหรือนิกเกิล คุณสมบัติของทองคำขาวจะขึ้นอยู่กับโลหะและสัดส่วนการใช้ โดยส่วนมากแล้ว ทองคำขาวจะถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน กำไร เนื่องจากทองคำขาว จะมีความคงทนถาวรมากกว่าทองธรรมดานั่นเอง

ทองคำเขียว หรือ Green Gold

ลักษณะภายนอกที่ดูแล้วก็เหมือนทองธรรมดาทั่วๆ ไป หากมองด้วยตาเปล่า จะมองไม่เห็นถึงความที่เป็นสีเขียวตามชื่อของมัน เนื่องจากทองคำชนิดนี้ถือเป็นโลหะเจือที่สร้างโดยการดึงเอาทองแดงออกไป ให้เหลือไว้เพียงแค่ทองคำและเงิน จึงทำให้ดูออกเป็นสีเหลืองเขียวๆ ซะมากกว่า และโดยทั่วไปทองเขียว 18 กะรัต จะประกอบไปด้วยค่าทองคำ 75% เงิน 25% แต่วิธีทำทองคำเขียว มักจะถูกนำไปตกแต่ง หรือดัดแปลงโดยใช้วิธีลงยาทองเป็นหลัก

ทองคำชมพู ทองคำแดง ทองคำสีกุหลาบ หรือ Rose Gold

จะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นาก เป็นโลหะเจือระหว่างทองคำและทองแดง โดยส่วนมากแล้ว นาก จะถูกนิยมนำไปทำเป็นเครื่องประดับและยังเคยเป็นที่นิยมกันมากในรัสเซีย 

ทองคำดำ หรือ Black Gold

เป็นทองที่เกิดจากการสร้างขึ้น ซึ่งจะไม่มีอยู่เองตามธรรมชาติ เนื่องจากมีการนำมาทำให้เกิดเป็นสีดำ สามารถทำได้อยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า หรือใช้โรเดียมดำหรือรูทีเนียม และทองคำในรูปแบบนี้ จะไม่ค่อยเห็นกันในปัจจุบันสักเท่าไหร่ โดยส่วนมากแล้วทองคำดำจะนิยมใช้กันในเครื่องเพชรพลอยนั่นเอง

ทองคำเทา หรือ Grey Gold

ส่วนมากนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับต่างๆ เป็นทองคำโลหะเจือที่ถูกสร้างโดยการผสมแมงกานีส เงิน และทองคำแดงเข้าด้วยกัน แต่จะมีการใส่ส่วนผสมเข้าไปตามสัดส่วน เพื่อให้ออกมาเป็นสีเทา

ทองคำม่วง หรือ Purple Gold

จะใช้เป็นตัวเรือนแทนการใช้อัญมณีมากกว่าการใช้เป็นตัวเรือนในเครื่องประดับ เนื่องจากทองคำม่วง มีคุณสมบัติที่เปราะกว่าโลหะเจือทองคำชนิดอื่นๆ จึงทำให้เกิดความเสียหายได้ง่าย โดยทองคำม่วงจะเป็นโลหะเจือของทองคำและอะลูมิเนียม ที่ประกอบด้วยทองประมาณ 79% จึงสามารถเรียกเป็นทอง 18 กะรัตได้เช่นกัน

ทองคำฟ้า หรือ Blue Gold

มักจะนิยมนำไปใช้ในงานประเภทเครื่องประดับมากกว่าทำเป็นรูปทรงโดยตรง เนื่องจากทองคำฟ้า เป็นโลหะเจือที่คล้ายกับทองคำม่วง จะมีความเปราะบางเช่นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ทองคำฟ้า จะเกิดจากการผสมระหว่างทองคำและอินเดียม

ทองเหลือง (Brass) และทองสัมฤทธิ์ (Bronze)

มักถูกนิยมนำไปประสมกับส่วนชิ้นงานอื่นๆ ตามที่ช่างต้องการ ทองชนิดนี้จะไม่มีส่วนผสมของทองคำใดๆ เนื่องจากทองเหลือง เป็นโลหะที่ใช้ทองแดงเป็นปัจจัยหลัก อีกทั้งยังเป็นโลหะผสมทองแดงและนิกเกิล หรือโลหะทองแดงผสมกับะอลูมิเนียมด้วย 

ทองสัมฤทธิ์

มักถูกนิยมนำไปใช้ทำเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักร และในงานอุตสาหกรรม เป็นทองที่ไม่มีผลต่อการซื้อขายในตลาด เนื่องจากทองสัมฤทธิ์เป็นโลหะที่ผสมกับทองแดงและดีบุก ซึ่งทองสัมฤทธิ์บางชนิด จะมีส่วนผสมของสังกะสีหรือตะกั่วปนอยู่ด้วย 

ทองเหลือง

มักถูกนิยมนำไปทำเป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับ และทางศิลปะเท่านั้น เป็นทองที่ไม่มีผลต่อการซื้อขายในตลาดด้วย เช่นเดียวกับทองสัมฤทธิ์ เนื่องจากทองเหลืองจะทำมาจากโลหะที่ผสมระหว่างทองแดงและสังกะสีนั่นเอง