ขณะที่ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.)สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์ ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 2,044 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,060 คน ผู้เสียชีวิต รวม 287 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 7 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 82 ครั้ง ตาย 17 ราย ขณะที่จังหวัดแพร่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด 80 คน ซึ่งสถิตินี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำไปถอดบทเรียนเพื่อลดเจ็บ ลดตายกันต่อไป
แวดวงการเมืองสุดคึกไม่แพ้กันประเดิมด้วย บารมีนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ฉายแสงทวงคืนบัลลังก์อำนาจ ด้วยการปิ๊กบ้านเชียงใหม่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยตบเท้าเข้าขอพร รดน้ำดำหัวกันอย่างคึก ท่ามกลางกระแสข่าวลือข่าวลวงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากคนอกหักปล่อยข่าวเขย่าขวัญกันรายวัน
สำหรับรายชื่อที่โดดเด่นเป็นดาวดับแสงแรงไม่แผ่ว เห็นจะเป็น “สุทิน คลังแสง”รมว.กลาโหม “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รมว.สาธารณสุข “เกรียง กังตินันท์” รมช.มหาดไทย “ไชยา พรหมมา”รมช.เกษตรและสหกรณ์
และจะมีการสลับกระทรวงระหว่าง “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.ท่องเที่ยว ไปเป็น รมว.วัฒนธรรม และ “เสริมศักดิ์ พงศ์พานิช” จะมาเป็น รมว.ท่องเที่ยว
แต่ที่น่าจับตามอง คือ โผ รมว.กลาโหม ที่ “นายกเศรษฐา” “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะเข้าไปไปนั่งควบเอง โดยส่งเก้าอี้ รมว.คลัง ให้กับพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ มาเป็นแทน แล้วจะมีการดัน“บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรมว.กลาโหม คนใกล้ชิด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อนสนิท “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขึ้นมานั่งรมช.กลาโหม
งานนี้ “นายกเศรษฐา” ได้แต่ยิ้มเมื่อถูกถามว่าจะไปเป็นรมว.กลาโหมหรือไม่ และพร้อมตอบว่า วินาทีนี้ผมเป็นรมว.คลัง และนายกฯ อยู่ ส่วนที่จะมีโอกาสไปคุมกองทัพหรือไม่ทุกอย่างมีโอกาสขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลามากกว่า และถ้าจะปรับครม.เดี๋ยวก็จะทราบกันเอง ไม่อยากให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อออกมาขณะนี้หวั่นไหว ผมคิดว่าควรเร่งทำงานกันดีกว่า เพราะทุกๆวันมีค่า แทนที่จะวิ่งเต้น วิ่งเซ่นมาหาท่านนั้น ท่านนี้ ผมว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด คือ การทำงาน
ถือเป็นคำตอบที่สะท้อนถึงการบริหารพรรคเพื่อไทยที่นอกจากมีนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร”แล้ว ยังมีเส้นอำนาจอื่นประกอบไปด้วย ทั้งเส้น “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องแดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ล้วนแล้วแต่เป็นทีมงาน “จันทร์สองหล้า” ส่องแสงเฉิดฉาย
คงต้องจับตาดูต่อไปว่า หลังสัปดาห์หน้าที่บรรดาว่าที่รัฐมนตรี จะเข้ากรอกประวัติต่อสำนัก เลขาธิการนายกฯแล้ว โผที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร โฉมหน้า “ครม.เศรษฐา ” จะยี้หรือว้าว ตอบโจทย์ประเทศหรือตอบสนองผลประโยชน์นายใหญ่ ถือเป็นเดิมพันอำนาจกับเกมศรัทธา
การปรับครม.มีกรอบเวลาต้องให้จบภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อมารองรับการทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ล่าสุดครม.เห็นชอบกรอบวงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท พร้อมอนุมัติโครงการโคแสนล้านนำร่องในบางจังหวัด
หลังจากนี้ต้องพิสูจน์ฝีมือครม.ชุดใหม่ว่า จะสามารถเสกเม็ดเงินเข้ากระเป๋าประชาชนให้อยู่ดีกินดีได้อย่างไร จะลุยผลักดันนโยบายเรือธงให้เป็นรูปธรรมได้แค่ไหน เพราะดูอย่างโครงการดิจิตอลวอล์เล็ต 1 หมื่นบาท แม้จะมีการแถลงถึงที่มาของเงินชัดเจนแล้ว แต่ก็ยังคงมีความสับสนในเรื่องการใช้เงินจาก ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กว่า 1.7 แสนล้านบาท ที่พรรคก้าวไกลมองว่า อยู่บนความเสี่ยงอาจผิดวัตถุประสงค์การดำเนินงานของธ.ก.ส. อีกทั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ สร.ธกส.ออกมาจี้ให้กฤษฎีกาตีความกฎหมายอีกรอบว่า กฎหมายเปิดช่องให้นำเงินของธ.ก.ส.ไปแจกได้หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับการดำเนินนโยบาย จะเป็นการกีดกันแผงลอยรายเล็กรายน้อยที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี จะไม่ได้ร่วมเข้าโครงการ และเกรงว่าจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ ที่ไปทำลายระบบ รายได้จากการเก็บภาษี ซึ่งอาจเป็นปัญหาในอนาคตได้อีก
กลายเป็นว่านโยบายเรือธงยังไม่ได้ไปถึงไหน ก็ดันจะมีงานงอกให้รัฐบาลเพื่อไทย สะดุดอีก คือ การที่ “ทักษิณ”ประกาศพา “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านในช่วงเดือนตุลาคมนี้ และมาฉลองสงกรานต์ที่เชียงใหม่ในปีหน้าด้วยกัน
โดย “พิชิต ชื่นบาน” ทนายคูใจ “ทักษิณ” ออกมาเปิดแนวทางการพา “น้องปู” กลับ ไทยใช้โมเดลคล้าย “ทักษิณ” โดยหนทางเมื่อถึงเวลาแล้วมันมีกระบวนการ ซึ่งกระบวนการเป็นไปตามกฎหมาย เขียนไว้อย่างไรก็ทำไปตามนั้น 1 2 3 4 ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ไม่มีสองมาตรฐาน รวมถึงที่ผ่านมาก็ไม่มีสองมาตรฐาน คือ เป็นเรื่องการบังคับโทษ การบริหารโทษ กระบวนการยุติธรรม สิ้นสุดนับแต่ศาลออกใบแดงแจ้งโทษ รูปแบบก็คล้ายๆกัน เมื่อถึงเวลาแล้วไม่มีอะไรซับซ้อน
ปฏิเสธไม่ได้การทำเช่นนี้จะเป็นการทำให้เกิดภาพบาดตาบาดใจและบีบหัวใจคนไทยที่เห็นต่าง และยิ่งปลุกฟากตรงข้ามความดันพุ่งปรี๊ด เมื่อเห็น “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ โพสต์รูปตัวเองลงเพจแบบฉ่ำๆ กับความสุขในการชอบปิ้ง กินอาหารไทยร้านดังตรงนั้นตรงนี้ ล่าสุดไปที่ลอนดอน อวดโชว์ภาพกิน “ขนมครก” ที่เป็นขนมของชอบ
งานนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ รายเมศ รัตนะเชวง ทนไม่ได้ต้องยุส่ง โดยบอกว่า ขณะนี้หมดเวลาเตือนรัฐบาลแล้ว มีแต่จะบอกว่าถ้าคิดจะทำอะไร ก็ขอให้เดินไปให้สุดซอยส่วนกระบวนการยุติธรรมของประเทศถ้าจะพังเพราะการสนองความต้องการส่วนตัว ในการช่วยเหลือพวกพ้อง เชื่อว่าประชาชนไม่มีวันยินยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน
ต้องจับตาดูว่าช่องทางการพา “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านจะสบช่องไปในทางนิรโทษกรรม จากที่อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมือง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้ออกมาแถลงความคืบหน้า สรุปความคืบหน้าการนำเสนอเบื้องต้นฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นนิรโทษกรรม มีทั้งหมด 25 ฐานความผิด โดยนิรโทษล้างทุกสี ส่วนคดี112 คดีน้องปูจะรวมด้วยหรือไม่ก็ต้องรอลุ้น
ยุทธศาสตร์การพา“น้องปู”กลับบ้าน ถ้าทำอะไรล้ำเส้น ยอมส่งผลถึงความศรัทธาคะแนนนิยมที่มีต่อพรรคเพื่อไทยและ“รัฐบาลเศรษฐา” ก็จะตกลงไปด้วย อย่าลืมว่าสิ่งที่ต้องเจอในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คู่แข่งตัวจริง คือ พรรคก้าวไกล ที่คะแนนนิยมยังพุ่งไม่หยุด
แม้ยังมีคดีปมยุบพรรคยังคอยกระตุกขาพรรคก้าวไกลอยู่ แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาประกาศแล้วว่า ขอจากไปอย่างผู้ชนะดีกว่าทำสัญญากับซาตาน ต้องยอมรับว่า ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบ ก็จะอ่อนแอครั้งแรกแต่อย่าลืมว่า กว่าจะถึงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่เหลือเวลา อีก 3 ปีกว่า และเห็นได้จากตัวอย่างการยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็นำมาสู่การตั้งพรรคก้าวไกล เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วพรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งโดยประชาชน หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้จะวนลูป กลับมาให้พรรคก้าวไกล ซึ่งอาจเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวใหม่ ได้กลับมาครองใจประชาชนอีกครั้ง
ดังนั้น 3 ปีที่เหลือ ถ้า “พรรคเพื่อไทย” และ”รัฐบาลเศรษฐา” ยังไม่หยุดทำร้ายจิตใจประชาชน ทำลายระบบยุติธรรม เพื่อความต้องการส่วนตัวความพ่ายแพ้ก็รออยู่ข้างหน้า ถือเป็นเดิมพันที่ต้องวัดใจวัดการกระทำกับการพิสูจน์ฝีมือ “รัฐบาลเศรษฐา” ในวันที่มีนายใหญ่กลับมาส่องแสงเจิดจ้าอีกครั้ง
หาก“ทักษิณ” ทำได้อย่างที่เคยออกปากไว้ ว่า ไม่มีใครเห็นด้วยกับเราทั้ง 100 % จึงขอเลือกทางที่จะเดินด้วยฝีมือและมันสมองที่มี กับงานถนัดที่ได้เห็นกันมาแล้ว ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหายาเสพติด แก้ปัญหาสังคมได้อย่างที่เคยทำมาในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทย จนทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมาแล้ว ถ้าทำสำเร็จก็อาจจะพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นแผลในใจประชาชนอยู่ดี.