แม้ไบเดน และนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ออกแถลงการณ์ร่วมซึ่งครอบคลุมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่อวกาศ ไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์ แต่ประเด็นสำคัญของเอกสารคือ การป้องกัน

ผู้นำทั้งสองคนกล่าวว่า “ยุคใหม่ของความร่วมมือสหรัฐ-ญี่ปุ่น” มุ่งเป้าไปยังการตอบโต้ที่ดีขึ้นต่อจีน และเกิดขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม เพื่อให้ได้มากซึ่งความสามารถในการโจมตีโต้ตอบ และนำกองกำลังทั้งหมดของประเทศ มาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาเพียงหนึ่งเดียว

อนึ่ง ญี่ปุ่นมีทหารสหรัฐราว 54,000 นาย แต่ขณะนี้พวกเขารายงานตัวต่อกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิก ในรัฐฮาวาย ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 6,500 กิโลเมตร และมีเวลาต่างกันถึง 19 ชั่วโมง

แถลงการณ์ร่วมที่ทำเนียบขาว จากการพบหารือระหว่างไบเดนกับคิชิดะ ในเดือนนี้ ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายต้องการยกระดับกรอบการบังคับบัญชาและการควบคุมในระดับทวิภาคี เพื่อให้สามารถบูรณาการการปฏิบัติงานและขีดความสามารถได้อย่างราบรื่น

ABC News

ไบเดน และคิชิดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า พวกเขาจะสร้างเวทีใหม่ ระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ สำหรับการหารือเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ เพื่อบูรณาการและปรับนโยบายอุตสาหกรรมกลาโหม การเข้าซื้อกิจการ ตลอดจนระบบนิเวศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการพัฒนาและการผลิตขีปนาวุธร่วมกัน และการซ่อมบำรุงเรือกับเครื่องบินของกองทัพสหรัฐ ที่สถานอำนวยความสะดวกเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ สหรัฐและญี่ปุ่น วางแผนที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน เช่นเดียวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งสำรวจการสร้างศูนย์กลางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติในญี่ปุ่น แต่พวกเขายังไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ยิ่งไปกว่านั้น แถลงการณ์ร่วมของสหรัฐ-ญี่ปุ่น ยังกำหนดวิสัยทัศน์ที่จะร่วมมือกันในด้านสถาปัตยกรรมการป้องกันทางอากาศแบบเครือข่าย ระหว่างสหรัฐ, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศและขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้น

ด้านนายเจมส์ เบรดี จากบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยง “เทเนโอ” กล่าวว่า แม้หลักการชี้นำยังคงเป็นการป้องปรามอย่างชัดเจน แต่ข้อตกลงดังกล่าว น่าจะช่วยให้ทั้งสองประเทศตอบสนอง ต่อภัยคุกคามความมั่นคงในภูมิภาคได้

“ในแง่ของการดำเนินการ การเปลี่ยนแปลงกรอบการบังคับบัญชา และการควบคุมที่สอดคล้องกัน ควรทำให้กองทัพของทั้งสองฝ่ายมีการเตรียมพร้อมมากกว่าเดิม ในการรับมือกับเหตุฉุกเฉินในภูมิภาคในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นกับจีน หรือเกาหลีเหนือ” เบรดี กล่าวเสริมว่า มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่า การเยือนทำเนียบขาว ของคิชิดะในครั้งนี้ ถือเป็นจุดสูงสุดตลอดกาลของความสัมพันธ์สหรัฐ-ญี่ปุ่น.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP