นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอสไอเอส เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 31 ปี ที่ผ่านมา เอไอเอส ได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินกว่า 500,000 ล้านบาทในการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และอีกกว่า 200,000 ล้านบาทสำหรับค่าใบอนุญาต รวมไปถึงการสร้างบุคลากรด้านดิจิทัล และการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ช่วยให้เกิดการเข้าถึง ดิจิทัลแพลตฟอร์มด้วยเทคโนโลยี 5จี ที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมประเทศชั้นนำของโลก สร้างโอกาสมหาศาลของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม 

“มีการประเมินว่าในปี  2568 มูลค่าของตลาด 5จี ในประเทศไทยจะเติบโตได้สูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยตลาดหลักทีมีศักยภาพและเจริญเติบโตมี 3 กลุ่มคือ กลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในบ้านที่อยู่อาศัยผ่านอุปกรณ์ FWA กลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ และกลุ่มภาคอุตสาหกรรมใน กลุ่มธุรกิจการผลิต, การค้าปลีก, การขนส่งและการกระจายสินค้า ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา เอไอเอสก็ได้ร่วมมือกับ พาร์ทเนอร์ที่หลากหลายทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต การเงิน ค้าปลีก สาธารณสุข การศึกษา นอกจากนี้ยังพร้อมทำงานแบบ 3 ประสาน ทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ และ ภาคเอกชน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมดิจิทัลและเติบโต พร้อมแข่งขันในเวทีโลก”

นายสมชัย กล่าวต่อว่า 5จี ส่งผลกระทบโดยตรงกับโลกในยุคนิว นอร์มัล ใน 3 ประเด็นหลัก คือ สถานการณ์จากโควิด ได้บีบบังคับให้เกิดพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน เรียนที่บ้าน หรือทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา อย่างทันทีทันใด พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เสมือนเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และเทคโนโลยีวีอาร์และเออาร์ จะเข้ามาสร้างโลกเสมือนจริง ที่มอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าว เอไอเอสจึง จะมุ่งมั่นกับ 3 เป้าหมายหลักเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต  คือ 1. สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้า จากธุรกิจไร้สายปัจจุบัน 2. ต่อยอดการเติบโตผ่านธุรกิจเน็ตบ้านและบริการลูกค้าองค์กร และ 3. ลงทุนในธุรกิจดิจิทัลเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต.