นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า โครงสร้างบุหรี่ใหม่จะทำให้บุหรี่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นประมาณซอง 4-5 บาท จึงคาดว่าราคาขายปลีกบุหรี่ซอง 60 บาท อาจขึ้นไป 66-72 บาท แต่สุดท้ายจะขึ้นจริงเท่าไรต้องรอผู้ประกอบการแจ้งเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าภาษีใหม่จะลดการสูบบุหรี่ลงได้ 2-3% ทำให้รัฐเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 3,500-4,500 ล้านบาทต่อปี และทำให้บุหรี่มีการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยไม่มีบุหรี่ราคาสูงลดราคาลงมาแข่งกับบุหรี่ราคาถูกแน่นอน
ทั้งนี้ ช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ราคาบุหรี่ควรจะขายราคาเดิม ห้ามขึ้นราคา เนื่องจากตามขั้นตอนการขึ้นภาษีบุหรี่หลังจากที่กฎหมายบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้ ผู้ผลิต ผู้นำเข้าจะต้องจัดทำราคาขายปลีกแนะนำตามโครงสร้างภาษีใหม่มาให้กรมพิจารณา และจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1-2 สัปดาห์ถึงประกาศให้ขึ้นได้ ดังนั้นวันที่ 1 ต.ค. บุหรี่จะยังเป็นของสต๊อกเก่าจึงต้องขายราคาเดิม แต่หากพบผู้ประกอบการขึ้นราคา และหากตรวจพบว่าแจ้งภาษีเป็นเท็จ มีโทษปรับภาษีเพิ่มขึ้น 2 เท่า และเงินเพิ่มอีก 7.5% แต่ถ้าเป็นร้านค้าปลีกขายเกินราคาจะมีการตักเตือน หากไม่เชื่อฟังก็อาจต้องยึดใบอนุญาต
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการกักตุน และฉวยโอกาสขึ้นราคาตั้งแต่เที่ยงคืน ของวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ปูพรมตรวจสต๊อกผู้ประกอบการ ร้านค้าส่งรายใหญ่ว่ามีสต๊อกเดิมเท่าไร และในปีนี้จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง โดยมีการตั้งศูนย์สำหรับติดตามของหนีภาษีทางออนไลน์ ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนช่วยสอดส่อง โดยสามารถใช้โทรศัพท์มือสแกนรหัสคิวอาร์โค้ดบริเวณแสตมป์บนซองบุหรี่ หากเป็นบุหรี่ที่เสียภาษีก่อน 1 ต.ค.64 ที่ขายเกินราคา สามารถร้องเรียนมาที่กรมสรรพสามิต และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ได้