เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐได้รับรองแล้ว สำหรับการใช้วัคซีนของไฟเซอร์ เป็นบูสเตอร์ให้กับชาวอเมริกันทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เช่นเดียวกับคนหนุ่มสาวอีกหลายสิบล้านคน ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจากไวรัส แต่ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพส่วนตัว หรือหน้าที่การงานมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ก็ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

เจ้าหน้าที่บอกว่า การเคลื่อนไหวนี้คือก้าวแรก ซึ่งบูสเตอร์จะนำเสนอได้อย่างกว้างขวาง ในช่วงสัปดาห์หรือเดือนที่กำลังจะมาถึงนี้แหละ แล้วยังมีวัคซีนบูสเตอร์ผลิตโดยโมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งยังคงเติบโตในการผลิตวัคซีนโควิด-19 มาตั้งแต่ต้น เพราะอุปสงค์หรือความต้องการสูง ย่อมทำให้มียอดจำหน่ายสูง นำผลกำไรมาสู่ทั้งบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา

นักวิเคราะห์มิเชล อี้ บอกว่า โอกาสค่อนข้างชัดเจนว่า คนเป็นพันล้านทั่วโลกต้องการวัคซีนและบูสเตอร์

ตัวอย่างที่เห็นได้คือ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท การประเมินเฉลี่ยรายได้ของโมเดอร์นาในปี 2022 ได้เพิ่มขึ้น 35% นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประกาศแผนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่วัคซีนที่ใช้กันส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกานั้นมาจากไฟเซอร์ ซึ่งได้พัฒนาขึ้นมาร่วมกับไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี ตามมาด้วยโมเดอร์นา โดยไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ฉีดไปแล้ว 99 ล้านคน โมเดอร์นา 68 ล้านคน และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อยู่ที่อันดับสามจำนวน 14 ล้านคน

ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า จะมีกี่คนที่ต้องฉีดวัคซีนเข็มสาม แต่นักวิเคราะห์คาเรน แอนเดอร์เซน ได้คาดการณ์ว่า เฉพาะเข็มสามอย่างเดียวนั้น น่าจะทำรายได้จากยอดขายทั่วโลกในปีหน้าให้กับไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโมเดอร์นาจะได้ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากได้รับการรับรองว่าจะต้องฉีดสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเหล่านี้ได้ประโยชน์จากวัคซีนอื่น ๆ มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย

ในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีแผนที่จะฉีดเข็มสามให้กับทุกคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไปและกลุ่มเสี่ยง โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้เสนอให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์เป็นอันดับแรก และโมเดอร์นาเป็นวัคซีนทางเลือก นักวิเคราะห์แอนเดอร์เซนคาดว่า โมเดอร์นาซึ่งไม่มีผลิตภัณฑ์อื่นในตลาด จะทำกำไรจากวัคซีนโควิดที่ขายได้ในปีหน้า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากอนุมัติรับรองการฉีดเข็มสาม

สำหรับไฟเซอร์และโมเดอร์นาแล้ว วัคซีนเข็มสามอาจจะทำกำไรได้มากกว่าวัคซีนตัวแรก เพราะไม่มีค่าวิจัยและพัฒนา ซึ่งบริษัทลงทุนไปเพื่อผลิตวัคซีนสู่ตลาด

ไม่เพียงแต่บริษัทยาเท่านั้น ที่จะได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ผู้แทนจำหน่ายยาอย่าง CVS Health และ Walgreens ก็จะมีรายได้เช่นกันมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ร้านขายยายังไม่ต้องแข่งขันอะไรกับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก เพียงแต่ต้องขยันเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มาใช้บริการ และเชิญชวนให้กลับมาฉีดเข็มสาม

บริษัทผู้ผลิตยายังต้องพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ต่อไป โดยเป้าหมายอยู่ที่ความหลากหลายของไวรัสกลายพันธุ์ และคนทั่วไปต่อไปอาจจะต้องฉีดวัคซีนทุกปี เหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น การผลิตวัคซีนจึงอาจจะเป็นที่มาของการหารายได้

ศาสตราจารย์อีริค กอร์ดอน แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน บอกว่า ปกติแล้ววัคซีนแทบจะไม่มีผลกำไรมากมาย เมื่อเทียบกับการรักษาพยาบาล แต่ความสำเร็จของการฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงอาจทำให้บริษัทยาและผู้ร่วมลงทุนสนใจในตลาดนี้ เพราะธุรกิจการผลิตวัคซีนไม่เพียงแต่น่าดึงดูดใจได้มากขึ้น ซึ่งสำหรับคนที่ต้องการวัคซีนก็เป็นเรื่องที่ดี.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP