สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่าสืบเนื่องจากรายงานวิเคราะห์ของตะวันตกที่ว่า เงินจ๊าดของเมียนมาอ่อนค่าลงมากกว่า 60% นับตั้งแต่เข้าสู่เดือน ก.ย.ปีนี้ ส่งผลให้ค่าอาหารและเชื้อเพลิง ตลอดจนสิ่งของจำเป็นอื่นปรับตัวสูงขึ้นแบบพุ่งทะยาน ยิ่งตอกย้ำภาวะวิกฤติของเศรษฐกิจเมียนมา ที่เกิดการรัฐประหาร เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และสถานการณ์โดยรวมในทุกมิติขาดเสถียรภาพนับแต่นั้น ขณะที่ธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของเมียนมาอาจหดตัว 18% ในปีนี้ เพราะมีเรื่องโรคโควิด-19 เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พ.อ.พิเศษ จอ มิน ตุน โฆษกคณะรัฐบาลเมียนมา กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลจากการที่เมียนมาเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาของโรคโควิด-19 อย่างน้อยสองระลอกแล้ว และ "ปัจจัยภายนอก" แต่ปฏิเสธลงลึกในรายละเอียด โดยยืนยันเพียงว่า รัฐบาลและกองทัพเมียนมาจะรับผิดชอบ และแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ ทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงมากขึ้นว่า อาจลุกลามบานปลายเป็นเหตุให้เกิดการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลทหาร เช่นเดียวกับเมื่อครั้ง "การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์" ต่อต้านรัฐบาลทหาร เมื่อปี 2531 และ 2550 ซึ่งมีแรงกระตุ้นมาจากภาวะบีบคั้นทางเศรษฐกิจหรือไม่ แต่การเคลื่อนไหวทั้งสองครั้งดังกล่าวที่มีพระสงฆ์เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ยุติด้วย "การนองเลือด" จากการกวาดล้างโดยกองทัพ.

เครดิตภาพ : AP