นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือกับคณะผู้บริหารบริษัท ลาซาด้า จำกัด เพื่อขอความร่วมมือในการออกมาตรการคัดกรองร้านค้าที่ในระบบของลาซาด้า เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ จากกรณีที่ได้รับสินค้าไม่ตรงตามเนื้อหาที่โฆษณา และสั่งสินค้าแล้วไม่ได้รับ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนและมีการร้องเรียนผ่านทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ คณะผู้บริหารบริษัท ลาซาด้า จำกัด ยอมรับว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านค้าที่เข้าระบบและจำหน่ายสินค้ากับทางลาซาด้า ประมาณ 5 ล้านราย โดยมีผู้ประกอบการไทยที่แจ้งสมัครเข้าระบบประมาณ 130,000 ราย พบว่าอัตราการเติบโตของตัวเลขผู้ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์สูงขึ้นกว่า 50% ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่มีผู้ขายสินค้าบางรายไม่ปฏิบัติตามกฎ มีการขายสินค้าปลอมแปลงและผิดกฎหมาย รวมถึงให้ข้อมูลเนื้อหาไม่ครบถ้วน แม้ทางลาซาด้าจะมีระบบการตรวจสอบและตรวจจับสินค้า โดยการใช้เทคโนโลยีและอัลกอริทึมในการตรวจจับก่อนขาย (Pre-live) และการตรวจจับและคัดกรองด้วยคน (Post-live) แต่ก็ยังพบว่ามีร้านค้าที่ทำการเปลี่ยนแปลงข้อความและหลอกขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นลาซาด้าได้กำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว โดยมีการกำหนดระบบ Notice and Take down เพื่อเป็นช่องทางการร้องเรียนแก่ผู้บริโภค
ด้านนายอนุชา กล่าวว่า ได้ให้แนวทางการคุ้มครองผู้บริโภค โดยแนะให้ประสานความร่วมมือกับ สคบ. อย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการและข้อบังคับต่อร้านค้าอย่างเข้มงวด และให้มีการเผยแพร่ข้อมูลและสถิติการลงโทษร้านค้าที่กระทำผิด เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยอมรับว่า ปัจจุบันการค้าในรูปแบบ E-commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่ากังวลคือร้านค้าในลาซาด้ามีการจำหน่ายสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งสินค้าบางประเภทแม้รวมค่าขนส่งแล้วยังมีราคาถูกกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่จำหน่ายในไทย จึงขอให้ลาซาด้าเข้มงวดเรื่องการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และกำชับไม่ให้สร้างความเสียหายกลไกราคาสินค้าในประเทศ