นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และโฆษก ขบ. เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามนโยบายและมาตรการเพื่อป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ได้ดำเนินการจัดผู้ตรวจการขนส่งทางบก ออกตรวจวัดควันดำรถโดยสารและรถบรรทุกบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ เพื่อให้รถโดยสารและรถบรรทุก มีค่าควันดำไม่เกินหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นการช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกิดจากการปล่อยฝุ่นควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ในภาคการขนส่ง
โดยกรมการขนส่งทางบก ติดตามการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมายของผู้ตรวจการในการออกตรวจวัดควันดำอย่างต่อเนื่อง พร้อมเก็บผลการตรวจสอบวัดควันทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 67 ดำเนินการตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งหมด จำนวน 547 คัน พบรถบรรทุกและรถโดยสารที่มีค่าควันดำที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด และถูกสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จำนวน 1 คัน
นายเสกสม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 66-15 ก.พ. 67 กองตรวจการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งจังหวัด ได้ตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งหมดสะสมทั่วประเทศ จำนวน 57,785 คัน พบรถบรรทุกและรถโดยสารที่มีค่าควันดำที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด และถูกสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จำนวน 330 คัน
แนะให้เจ้าของรถตรวจเช็กและซ่อมเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ โดยวิธีแก้ไขรถที่ปล่อยควันดำเบื้องต้น 1.ให้ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนกรองอากาศใหม่ 2.เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามระยะเวลา 3.เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา 4.ปรับตั้งปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง 5.ตรวจเช็กและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นละออง และมีแรงดัน เป็นต้น
เตือนหากตรวจวัดควันดำด้วยระบบวัดความทึบแสง แล้วมีค่าควันดำเกิน 30% หรือตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง แล้วมีค่าควันดำ เกิน 40% จะถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุด 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนด และนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัด จึงจะนำไปใช้งานได้