จากภาวะโลกร้อนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นโลกเดือด ทำให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นใหญ่ของปี 67 เนื่องจากชีวิตของผู้คนกำลังได้รับผลกระทบมากขึ้น ทั้งทางด้านสุขภาพ ภัยธรรมชาติ และความมั่นคงทางด้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งความเหลื่อมลํ้าที่จะยิ่งขยายตัวกว้างขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ประเด็น ESG เป็นเทรนด์สำคัญที่ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กต้องดำเนินการ เพราะตอนนี้เราเห็นแล้วว่า มีความคาดหวังไปถึงทั้งห่วงโซ่อุปทานด้วย นั่นหมายความว่า บริษัทที่มีการดำเนินการด้าน ESG จำเป็นต้องค้าขายกับคู่ค้าที่มี ESG ในระดับเดียวกัน ดังนั้นทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 67 เชื่อว่า ทุกคนจะเน้นเดินหน้าเรื่อง ESG เข้มข้นขึ้น โดยไม่ต้องรอให้มีกฎหมายบังคับ โดยโออาร์ก็พร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเน็ต ซีโร่ ภายในปี 93 ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการด้วยการส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทของโออาร์ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำร่องเปิดสถานีชาร์จอีวี สเตชั่น พลัซ การติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ในพื้นที่ดำเนินงานของโออาร์

“จากวิสัยทัศน์เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน วันนี้โออาร์ได้เติมการลงมือทำเข้าไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าเรามีแอ็กชันเยอะมาก เพื่อมุ่งมั่นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ ที่โออาร์ มีสถานประกอบการตั้งอยู่ เช่น คลังนํ้ามัน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และสำหรับสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน ซึ่ง 80% มีเจ้าของเป็นเอสเอ็มอี มีเพียง 20% เท่านั้นที่โออาร์เป็นเจ้าของ เราต้องการเปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน มีอะไรก็แชร์กัน เป็นแนวคิดที่เราใช้มาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ เพราะเรามองว่านี่คือ License to Operate ซึ่งเป็นมุมมองที่ทำมานาน และจากวิสัยทัศน์ รวมทั้งเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป เราจึงทำให้มีความเป็นรูปธรรมและทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น”

ที่ผ่านมาโออาร์ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น การรับซื้อเมล็ดกาแฟจากโครงการหลวงต่าง ๆ ที่เข้าไปส่งเสริมการปลูกกาแฟให้กับเกษตรกร โดยเข้าไปช่วยส่งเสริมเกษตรกรให้มีการปลูกกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น นอกจากทำให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงแล้ว ยังทำให้คนไม่ทิ้งบ้านและครอบครัวไปทำงาน ในเมืองใหญ่ สร้างเกราะป้องกันด้วยสังคมที่อบอุ่น รวมถึงลดปัญหาความเหลื่อมลํ้าอีกด้วย เปิดแพลตฟอร์มที่จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอี หรือคนตัวเล็กเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจและเติบโตไปด้วยกัน มีทั้งแพลตฟอร์มทางกายภาพ คือสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,100 แห่ง เวลาที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกตํ่าก็จะเปิดให้นำผลผลิต มาจำหน่ายในสถานีบริการ และล่าสุดได้เปิดแอปพลิเคชัน เอ็กซ์พลอร์ ซึ่งเป็นดิจิทัล แพลตฟอร์ม ให้พันธมิตรโออาร์เข้ามาร่วมใช้งาน ซึ่งจะขยายให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต.