นับตั้งแต่สีขึ้นสู่อำนาจเมื่อ 10 ปีก่อน เขาดำเนินการรณรงค์ต่อต้าน การรับสินบนที่ฝังลึกในจีนมายาวนาน จนนำไปสู่การลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อย 4.7 ล้านคน อีกทั้งสถิติการสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ซึ่งมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ก็เพิ่มขึ้นถึง 40% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับปี 2565
ยิ่งไปกว่านั้น สียังให้คำมั่นเมื่อไม่นานมานี้ว่า จะถอนรากถอนโคนการกระทำผิดในภาคส่วนการเงิน, การธนาคาร และรัฐวิสาหกิจ แม้วิกฤติด้านอสังหาริมทรัพย์, หนี้รัฐบาลท้องถิ่นที่สูงลิ่ว และการบริโภคในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง กำลังบั่นทอนสภาพเศรษฐกิจของจีนก็ตาม
“สีไม่ได้มองว่า เสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นความกังวลหลัก แม้มีข้อเท็จจริงที่ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องอาศัยการเติบโตและการพัฒนาอย่างครอบคลุม เพื่อควบคุมความคับข้องใจ และสร้างการสนับสนุน” นายอเล็กซ์ ปาแย็ต ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเซอร์เซียส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองภายในของจีน กล่าวเพิ่มเติมว่า สีมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง เพื่อรองรับผลกระทบของการคว่ำบาตรจากต่างประเทศ และดึงเศรษฐกิจให้อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคอย่างเต็มตัว
แม้สีเรียกร้องให้มี “ความพยายามมากขึ้น” ในการแก้ปัญหาการทุจริตที่ “ร้ายแรงและซับซ้อน” ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนต่างกล่าวว่า การรณรงค์ดังกล่าวส่งเสริมธรรมาภิบาลที่สะอาด แต่บรรดานักวิจารณ์โต้แย้งว่า การรณรงค์นี้ยังทำหน้าที่ เป็นเครื่องมือกวาดล้างศัตรูทางการเมืองด้วย
อนึ่ง รัฐบาลปักกิ่งปลดรมว.การต่างประเทศ และรมว.กลาโหม “อย่างกะทันหัน” เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงสมาชิกหลายคนในองค์กรที่ดูแลคลังแสงนิวเคลียร์ของประเทศ แม้ไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่มีคำร่ำลือในกลุ่มนักวิจารณ์ว่า บางกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น
ด้านศ.แอนดรูว์ เวเดอแมน จากมหาวิทยาลัยรัฐจอร์เจีย ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่า เหยื่อบางรายที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกรับรู้ว่าขาดความจงรักภักดีต่อสี “เป็นอย่างน้อย” ด้วยเหตุนี้ การปราบปรามในภาคการเงิน อาจบอกเป็นนัยถึงการกระทำผิดอย่างแพร่หลายในภาคส่วนเหล่านั้น หรือสีคิดว่า ภาคส่วนดังกล่าวเริ่มมีความเป็นอิสระมากเกินไป จนกลายเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจบริหาร
อย่างไรก็ตาม ศ. วิเวียน ชู ศาสตราจารย์เกียรติคุณ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กล่าวว่า ความพยายามที่ยืดเยื้อของสี สะท้อนให้เห็นถึงขนาดและความซับซ้อนที่มากขึ้น ตลอดจนการแบ่งชั้น และการแบ่งส่วน ในสังคมและเศรษฐกิจของจีน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ การรณรงค์จำเป็นต้องมีแนวทางที่เป็นขั้นตอน ตรงเป้าหมาย และเปิดเผยเป็นลำดับ
“การเปิดโปงคดีที่น่าตื่นตกใจ ยังช่วยคลายความสงสัยของสาธารณชนที่ว่า แท้จริงแล้ว ข้าราชการจำนวนมากเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว และเป็นคนทุจริตอย่างลึกซึ้ง และน่ารังเกียจ” ชู กล่าวทิ้งท้าย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP