สายการบินเวียตเจ็ท แจ้งว่า สายการบินเวียตเจ็ท รุกขยายเครือข่ายเที่ยวบินระหว่างเวียดนามและจีนต่อเนื่อง ด้วยการเปิดเส้นทางบินตรงเส้นทางใหม่ โฮจิมินห์ซิตี–เฉิงตู ภายหลังจากเปิดเส้นทางบินโฮจิมินห์ซิตี–เซี่ยงไฮ้ ไปได้เพียง 2 เดือน โดยเส้นทางบินใหม่นี้มีกำหนดเริ่มให้บริการในวันแรกของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองประเทศ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมสร้างการเชื่อมโยงทางการคมนาคมขนส่งเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมด้านการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างเมืองใหญ่ของทั้งสองประเทศทั้งเวียดนามและจีนอีกด้วย

สำหรับเส้นทางบินใหม่โฮจิมินห์ซิตี-เฉิงตู จะเริ่มให้บริการในวันที่ 10 ก.พ.67 โดยให้บริการ 1 เที่ยวบินต่อวัน โดยเที่ยวบินดังกล่าวจะออกเดินทางจากโฮจิมินห์ซิตี เวลา 19.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) และเดินทางถึงสนามบินนานาชาติเฉิงตู เทียนฟู่ (TFU) เวลา 00.15 น. ของวันถัดไป (ตามเวลาท้องถิ่น) และเที่ยวบินขากลับจากเฉิงตูจะออกเดินทางเวลา 00.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) และเดินทางถึงโฮจิมินห์ซิตี เวลา 03.55 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตามเพื่อฉลองเส้นทางบินใหม่ เวียตเจ็ทเสนอโปรโมชั่นพิเศษ บัตรโดยสารราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 0 บาท จองได้แล้ววันนี้ ที่ www.vietjetair.com โดยมีระยะเวลาเดินทางตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.-30 มี.ค.67

ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับเส้นทางบินใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเป็นประตูสู่จุดหมายปลายทางหลากหลายของเวียดนาม และเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเป็นมหานครที่มีชีวิตชีวา และที่เป็นรู้จักในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยคาดว่าเส้นทางใหม่นี้จะตอบสนองความต้องการการเดินทางที่เพิ่มขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ ช่วยให้ผู้โดยสารได้เดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายมาก และเดินทางไปสัมผัสความสวยงามทางธรรมชาติทั้งที่เวียดนามและจีนต่างนำเสนอได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เวียตเจ็ทรุกขยายเส้นทางในจีนอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่จะนำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าใกล้จีนมากยิ่งขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ไทยเวียตเจ็ท ยังได้เริ่มให้บริการเส้นทางบินตรงเชื่อมโยงเซี่ยงไฮ้ หางโจว และกว่างโจว มายังกรุงเทพฯ และยังมีแผนที่จะเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ๆ ของจีนเพิ่มเติมอีกหลากหลายเมืองในเร็วๆ นี้ บริการเส้นทางบินตรงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักเดินทางมีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลายและค่าโดยสารที่เข้าถึงได้เท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระหว่างประเทศและภูมิภาคหนึ่งไปอีกภูมิภาคหนึ่งได้อีกด้วย.