เช่น Chat GPT ที่มีคนเข้าไปใช้กว่า 100 ล้านคน ในช่วงแค่ 2 เดือนแรก AI กำลังมาแทนคน 1 ใน 3 ของตำแหน่งงานที่มีอยู่ในไม่ช้า ปีที่ผ่านมาเราเห็นรถ EV ราคาถูก เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โรงไฟฟ้าสะอาดขยายตัวอย่างเชื่องช้า แล้วมีอะไรที่จะเป็นปัจจัยใหญ่ ๆ ที่จะสั่นสะเทือนวงการความยั่งยืนในระดับโลกได้บ้าง?

1.วิกฤติการเมืองโลก ในยุคที่จะเปลี่ยนผ่านขนานใหญ่ คาดว่าจะมีการเลือกตั้งผู้นำ 40 ประเทศทั่วโลกในปี 2024 และ 1 ใน 4 เป็นผู้นำเอเชีย การเมือง และนโยบายการหาเสียงจะเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้าพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งด้วยนโยบายด้านความยั่งยืน โลกเราคงจะดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อ SDG

2.วิกฤติการมาของ AI กับการจ้างแรงงานมนุษย์ เราจะเห็นคนตกงานมากมายอย่างรวดเร็ว ด้วยการแทนที่ด้วย AI กระตุ้นปัญหาความยากจน ความเหลื่อมลํ้า สิทธิมนุษยชน vs สิทธิหุ่นยนต์ และการแข่งขันที่เป็นธรรม

3.วิกฤติคาร์บอน การกดดันให้องค์กรต่าง ๆ คำนวณ และเปิดเผยข้อมูลเรื่องการปลดปล่อยคาร์บอน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ (Scope 3) เพราะคาร์บอนที่เราปล่อยจะเร่งให้โลกร้อนขึ้น 1.5 องศาฯ ซึ่งจะเข้าสู่หายนะ

4.วิกฤติศรัทธา ความสับสนของการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส กับการโฆษณาที่เป็นการฟอกเขียว องค์กรต่าง ๆ จะถูกกดดันให้เปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนต่าง ๆ สู่สาธารณะ การโฆษณาและสื่อสารองค์กรที่ปิดบังข้อมูล หรือให้ข้อมูลไม่ครบทุกด้านจะถูกประณาม ตอนนี้เราเชื่อใจข้อมูลอะไรแทบไม่ได้เลย

5.วิกฤติพลังงานสะอาด และนวัตกรรมที่ยังคิดไม่ถี่ถ้วน เช่น การที่รถ EV เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเอเชีย โดยที่ยังขาดแหล่งผลิตไฟฟ้าสะอาด อาจจะเร่งให้โลกเพิ่มคาร์บอนสูงขึ้นอีก การจัดการพลังงานสะอาดทั้งระบบ ตั้งแต่โรงงานผลิตไฟฟ้า โรงงานแบตเตอรี่ สถานีชาร์จ อายุการใช้งานของรถ และขยะชิ้นส่วนก็ยังเป็นความท้าทายในการจัดการ ไม่อย่างนั้นเพียงไม่กี่ปี เราจะเห็นขยะรถ EV เต็มไปหมด และโลกก็ร้อนเร็วขึ้นอีกด้วย… นี่คือวิกฤติ 5 เรื่อง ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนโลกพูดถึงกันมากในช่วงต้นปี 2024 นี้.