กรณีที่เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุผู้ต้องหาชาวเมียนมา ในคดีขโมยรถยนต์รายหนึ่ง หลบหนีไปจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ขณะถูกคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลาง ทั้งที่ยังถูกสวมกุญแจมืออยู่นั้น ล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ (21 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่และพบตัวผู้ต้องหาแล้ว แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้าไปในป่า นั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พล.ต.ต.มานพ เสนากุล ผบก.ภ.จว.เชียงราย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 67 เวลาประมาณ 18.00 น. ร.ต.ท.นภพล งามเอนก รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย เจ้าของคดีอาญาที่ 86/2567 ได้นำตัว นายจะลอ ไม่ทราบนามสกุล สัญชาติเมียนมา กระทำความผิด ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้ต่างด้าวพ้นจากการจับกุม และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งได้รับตัวผู้ต้องหาไว้อยู่ในะหว่างการสอบสวน เวลาประมาณ 18.00 น. ได้เบิกตัวผู้ต้องหาจากห้องขัง เพื่อสอบปากคำ โดยในระหว่างเบิกตัว ได้มีประชาชนเข้ามาแจ้งความ จึงได้ปฏิบัติหน้าที่รับแจ้งความและสั่งให้เจ้าหน้าที่สิบเวรนำตัวผู้ต้องหาใส่กุญแจมือและพาตัวไปที่ห้องสอบสวนปากคำและเฝ้าตัวไว้จนกว่าจะรับแจ้งความเสร็จและจะไปสอบปากคำผู้ต้องหา กระทั่งเวลาประมาณ 18.11 น. ได้เดินกลับมาที่ห้องสอบปากคำา ปรากฏว่าไม่พบตัวผู้ต้องหา จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่สิบเวรได้แจ้งว่านำตัวผู้ต้องหาไปที่ห้องสอบปากคำแล้ว แต่ไม่ได้เฝ้าแต่อย่างใด ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า นายจะลอ ผู้ต้องหา ได้ถูกสวมใส่กุญแจมือไว้ และได้เดินออกมาจากห้องสอบปากคำ จากนั้นได้เดินหลบหนีออกจาก สภ.เมืองเชียงราย
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินการสืบสวนติดตาม โดยจากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า นายจะลอ แท้จริงแล้วเป็นคนไทย ชื่อ นายดิษฐ์ จะอื้อ ชาวหมู่ 4 ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยการตรวจสอบภาพใบหน้าจากระบบทะเบียนราษฎร Bio matrix เมื่อนำข้อมูลจากเฟซบุ๊ก จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่านายดิษฐ์ เคยถูกจับกุมในข้อหา “ลักทรัพย์ ในเคหสถาน” ตามคดีที่ 140/60 ของ สภ.แม่ยาว และ ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” ตามคดีที่ 402/57 ของ สภ.พญาเม็งราย
พล.ต.ต.มานพ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้เกิดขึ้นจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่ไม่สื่อสารกันให้ชัดเจน จนทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อจะต้องมีการดำเนินการทางวินัย ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ในส่วนของคดี ก็จะต้องติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีไปมาดำเนินคดีให้ได้ คาดว่าจะสามารถจับกุมกลับมาได้ภายใน 1-2 วันนี้
ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว คาดว่าจะมีความคืบหน้าในวันนี้ โดยยืนยันว่าผู้ต้องหายังอยู่ในประเทศไทย ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงราย และมีโอกาสน้อยที่จะหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเหตุเกิดในพื้นที่อำเภอเมือง หากจะหลบหนีต้องใช้เวลาเดินเท้าออกไป
ส่วนกรณีที่มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปซึ่งหน้านั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็จะต้องมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีความบกพร่องอย่างไรบ้าง โดยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา คงไม่ต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ตำรวจปล่อยให้ผู้ต้องหาหนีไปซึ่งหน้าเช่นนี้ ก็นับว่ามีความบกพร่องอยู่แล้ว.