เหตุการณ์ล่าสุดนี้ เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ท่ามกลางสงครามอิสราเอล-ฮามาส และการทิ้งระเบิดประจำวันของกองทัพอิสราเอล ในฉนวนกาซา ที่ผ่านพ้นเกิน 100 วันมาแล้ว

รัฐบาลอิรักเรียกตัวเอกอัครราชทูตให้เดินทางกลับจากอิหร่าน ภายหลังการโจมตี ซึ่งเกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ทางตอนเหนือของอิรัก ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตแล้ว 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 6 คน

แม้รัฐบาลเตหะรานระบุว่า การโจมตีดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่ศูนย์สายลับอิสราเอล ใกล้กับสถานกงสุลสหรัฐ ในเมืองเออร์บิล ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน แต่นายกรัฐมนตรีมาสรูร์ บาร์ซานี ผู้นำเคอร์ดิสถาน ไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างของอิหร่าน และกล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้เป็น “อาชญากรรมต่อชาวเคิร์ด”

The Telegraph

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของอิรัก ประณามการโจมตีของอิหร่านว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ” พร้อมเสริมว่า จะยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ระบุในแถลงการณ์ว่า อิหร่านมีส่วนทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มขึ้น และต้องหยุดการกระทำเช่นนี้

อีกด้านหนึ่ง นายฮอสเซ็น เอเมียร์-อับโดลลาเฮียน รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า การโจมตีของกองกำลังอิหร่าน สอดคล้องกับการต่อสู้กับการก่อการร้าย และเป็นการป้องกันตนเองที่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งอิหร่านไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ร่วมกับประเทศอื่น ๆ

นอกจากอิรัก อิหร่านยังโจมตีสิ่งที่พวกเขากล่าวเป็นเป้าหมายกลุ่มไอเอส ทางตอนเหนือของซีเรีย และกองบัญชาการของกลุ่มติดอาวุธซุนนี ในจังหวัดบาโลชิสถาน ทางตะวันตกของปากีสถาน ใกล้พรมแดนติดกับอิหร่าน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของปากีสถาน ประณามการโจมตีดังกล่าวอย่างรุนแรงว่าเป็น “การละเมิดน่านฟ้าอย่างไม่สมเหตุสมผล” ซึ่งคร่าชีวิตเด็ก 2 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งที่การกระทำผิดกฎหมายเช่นนี้เกิดขึ้น ทั้งที่ปากีสถานกับอิหร่าน มีช่องทางการสื่อสารระหว่างกันหลายช่องทางอยู่แล้ว

แม้การโจมตีซีเรียและปากีสถาน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล “โดยตรง” เนื่องจากรัฐบาลเตหะรานกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวข้างต้นมุ่งเป้า ไปยังกลุ่มก่อการร้ายซึ่งต่อต้านอิหร่าน แต่สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงการดำเนินการโดยตรงที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากอิหร่าน ซึ่งให้เงินทุนและสิ่งของแก่กองกำลังต่าง ๆ ที่ต่อต้านอิสราเอล เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน, กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และกลุ่มฮูตีในเยเมน

“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้อิหร่านจะไม่หยุดใช้ชีปนาวุธและโดรน เพื่อโจมตีกลุ่มก่อการร้ายที่พวกเขากล่าวอ้าง” นายอูมาร์ คาริม ผู้ช่วยนักวิจัยจากศูนย์วิจัยและอิสลามศึกษา คิง ไฟซาล กล่าว “ความกล้าในการโจมตีดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า อิหร่านมีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ ในอนาคต”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP