ด้วยคำมั่นสัญญาที่จะปกป้องประชาธิปไตยของไต้หวัน และต่อต้านการอ้างสิทธิของรัฐบาลปักกิ่ง ไล่ วัย 64 ปี สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และสร้างประวัติศาสตร์ให้กับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ในการเป็นแกนนำรัฐบาลครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเขายกย่องว่าเป็น” ชัยชนะของชุมชนประชาธิปไตย”

แม้ไล่ ให้คำมั่นสานต่อนโยบายของประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ผู้นำหญิงคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระ ในเดือนพ.ค. นี้ เพื่อสร้างขีดความสามารถทางทหารของไต้หวัน เพื่อป้องปรามการรุกรานจากจีนที่อาจเกิดขึ้น แต่การพูดอย่างตรงไปตรงมาของไล่ ซึ่งเขากลั่นกรองในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเส้นทางสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่รัฐบาลปักกิ่ง

อนึ่ง จีนมองว่า ไล่เป็น “คนดื้อรั้น” เพื่อเอกราชของไต้หวัน และเป็น “ผู้บ่อนทำลายสันติภาพ” พร้อมกับเตือนว่า นักการเมืองที่พูดจานุ่มนวลคนนี้ จะเป็นต้นเหตุของ “สงคราม และความเสื่อมถอย” สำหรับไต้หวัน

ไล่ เกิดเมื่อปี 2502 ที่เมืองนิวไทเป มีพี่น้องอีก 5 คน บิดาซึ่งเป็นคนงานเหมืองถ่านหิน เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไล่ทำงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ของไต้หวัน ก่อนที่เขาจะให้ความสนใจกับการเมือง เมื่อปี 2539 ในช่วงวิกฤติช่องแคบไต้หวันครั้งที่สาม

สำหรับเส้นทางการเมืองของไล่ เขาเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติ, นายกเทศมนตรีเมืองไถหนาน และนายกรัฐมนตรีไต้หวัน ก่อนได้รับเลือกพร้อมกับไช่ ให้ทำหน้าที่รองประธานาธิบดีไต้หวัน

อนึ่ง ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 สมัยของไช่ ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีน “ตกต่ำถึงขีดสุด” และการสื่อสารระดับสูงทั้งหมดถูกตัดขาด เนื่องจากเธอปกป้องอธิปไตยของไต้หวัน และปฏิเสธที่จะยอมรับการอ้างสิทธิของรัฐบาลปักกิ่ง เหนือเกาะแห่งนี้

ระหว่างการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ไล่ยังคงยึดมั่นกับจุดยืนของเขาที่ว่า “ไต้หวันเป็นอิสระอยู่แล้ว” และไม่จำเป็นต้องประกาศแยกตัวออกจากจีนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเสริมว่า เขาเต็มใจที่จะดำเนินการแลกเปลี่ยนกับจีน “ตามเงื่อนไขของความเท่าเทียมและศักดิ์ศรี” โดยอธิบายว่า ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น สำหรับความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ไม่ควรแลกกับอธิปไตยของไต้หวัน

“การยอมรับ ‘หลักการจีนเดียว’ ไม่ใช่สันติภาพที่แท้จริง เพราะสันติภาพที่ปราศจากอธิปไตย ก็เป็นเหมือนของฮ่องกง มันคือสันติภาพจอมปลอม” ไล่ กล่าว

ในช่วงเวลาที่ไล่ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไต้หวัน เขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นของเอกราช มากกว่าไช่ เสียอีก ซึ่งบางคนกล่าวว่า สิ่งนี้ทำให้พันธมิตรอันดับต้น ๆ อย่างสหรัฐ มีความกังวลว่า เขาจะจัดการความสัมพันธ์กับจีนอย่างไร และอีกคำถามหนึ่งคือ ไล่จะสามารถยึดวิถีของความพอประมาณ และความรอบคอบ ที่ไช่สร้างไว้ได้มากเพียงใด.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP