รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) แจ้งว่า สำนักสำรวจและออกแบบ ได้ดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 317 จันทบุรี-สระแก้ว ตอน อ.สอยดาว-บ.เขาแหลม ช่วง กม.82+000-กม.91+000 พื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.สระแก้ว ระยะทาง 9 กิโลเมตร (กม.) โดยได้จัดประชุมปัจฉิมนิเทศ (สัมมนา ครั้งที่ 3) โครงการดังกล่าว ณ ห้องประชุมสหกรณ์โคนม อ.สอยดาว จ.จันทบุรี และห้องประชุมที่ว่าการอำเภอวังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาเห็นด้วยกับโครงการ เพราะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งมีความสะดวกมากขึ้น
หลังจากนั้น ทล. จะสรุปผลการศึกษาให้สมบูรณ์มากที่สุด คาดแล้วเสร็จเมื่อช่วงปลายปี 66 หรือต้นปี 67 จากนั้นเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (ไออีอี) เพื่อนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาต่อไป ขณะเดียวกันขอรับจัดสรรงบประมาณในปี 67 จำนวน 950 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างในปี 67 แล้วเสร็จในปี 70 ระยะเวลา 3 ปี
แนวเส้นทางโครงการ บนทางหลวงหมายเลข 317 จันทบุรี-สระแก้ว ตอน อ.สอยดาว-บ.เขาแหลม จุดเริ่มต้นโครงการที่ กม.82+000 บริเวณบ้านเขาแดง ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี และจุดสิ้นสุดโครงการ ที่ กม.91+000 บริเวณบ้านทรัพย์ภู ต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ระยะทาง 9 กม.
รูปแบบจะดำเนินการขยายถนนเดิมจากขนาด 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ทิศทางละ 2 ช่องจราจร มีไหล่ แบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะกลางแบบกำแพงกั้น และมีผิวจราจรเป็นผิวจราจรแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมทั้งก่อสร้างงานทางด้านความปลอดภัยอื่น ๆ บนทางหลวง เช่น งานติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย งานระบบระบายน้ำ งานไฟฟ้าแสงสว่าง เป็นต้น
นอกจากนี้ บริเวณจุดตัดทางหลวงชนบท จะก่อสร้างสะพานข้ามจุดตัดทางหลวง ขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ ซึ่งเป็นรูปแบบที่สามารถลดการติดขัด และเพิ่มความปลอดภัยของการสัญจรในบริเวณทางแยก โดยเป็นการแยกรถที่สัญจรทางไกลด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง ออกจากรถที่สัญจรในพื้นที่ชุมชน ซึ่งจะก่อสร้างทางบริการ สำหรับให้รถในชุมชนสามารถสัญจรในพื้นที่ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
ทางหลวงหมายเลข 317 จันทบุรี-สระแก้ว มีระยะทาง 147 กม. ปัจจุบัน ทล. ได้ขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจรแล้ว 138 กม. ทำให้เหลือช่วงสุดท้ายอีก 9 กม. ซึ่งเป็นโครงการดังกล่าว หากดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนในปี 70 ทำให้เส้นทางดังกล่าวมีขนาด 4 ช่องจราจรตลอดสาย เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งระหว่าง จ.จันทบุรี กับ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญต่อระบบการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ระหว่างภาคตะวันออกกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และเชื่อมต่อชายแดนประเทศกัมพูชา
ปัจจุบันมีปริมาณการจราจรหนาแน่นอยู่ที่ 14,000-15,000 คันต่อวัน และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ดังนั้นโครงการแล้วเสร็จ ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทางขนส่งและท่องเที่ยว สร้างมูลค่าทางธุรกิจ และการสนับสนุนส่งเสริมทางเศรษฐกิจ ระหว่างจังหวัด ภูมิภาค ตลอดจนการค้าขายชายแดน รวมทั้งสามารถรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคตประมาณ 30,000 คันต่อวัน